เชียงราย – รัฐบาลเลิกรับจำนำลิ้นจี่ปีนี้ หวั่นทำตลาดเสียระบบ แม้ผลผลิตรวมอาจจะมีมากกว่า 40,000 ตันก็ตาม วางแผนปล่อยกู้ผ่านสหกรณ์ใช้เป็นทุนรับซื้อผลผลิต พร้อมจัดงบ คชก.ช่วยค่าขนส่งให้เอกชนลำเลียงผลผลิตออกสู่ตลาดต่างพื้นที่ 2 บาท/กก. และจัดงานส่งเสริมการบริโภค ตลอดจนหนุนให้แปรรูปเป็นลิ้นจี่อบแห้งช่วยอีกทาง รองปลัดฯกระทรวงเกษตรฯเชื่อมั่นช่วยกระตุ้นราคาให้สูงกว่า 12-13 บาท/กก.แน่
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่าวันนี้ (28 เม.ย.) ที่ห้องประชุมสำนักงานสหกรณ์ จ.เชียงราย นายธวัชชัย สำโรงวัฒนา รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางไปเป็นประธานในการประชุมการดำเนินการแก้ไขปัญหาผลผลิตทางเกษตร (ลิ้นจี่ ลำไย) ประจำปี 2552 โดยมีตัวแทนสหกรณ์ที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานข้าราชการเข้าร่วมประชุมครบครัน
เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ของผลผลิตลิ้นจี่ ที่จะออกสู่ตลาดในเดือน พ.ค.นี้เป็นจำนวนมากทำให้เสี่ยงต่อการล้นตลาดและราคาตกต่ำ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงเข้าไปช่วยเหลือด้วยวิธีการต่างๆ
นายธวัชชัย กล่าวว่า ในปี 2552 นี้ยืนยันว่าภาครัฐจะไม่เข้าไปแทรกแซงตลาดด้วยการรับจำนำอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้ตลาดเกิดความเสียหาย และจากการหารือกันครั้งนี้ ก็เห็นพ้องว่าจะดำเนินการให้หลากหลายวิธี เพื่อระบายผลผลิตที่มีมากกว่าช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาไปให้ได้ เพราะปีนี้คาดว่าจะมีผลผลิตเฉพาะ จ.เชียงราย ออกสู่ตลาดประมาณ 21,000 ตัน และจะเริ่มออกสู่ตลาดอย่างแออัดช่วงแรกตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.เป็นต้นไป เป็นระยะเวลา 20 วันกว่า 18,000 ตัน จึงได้แก้ไขปัญหาด้วยการนำงบประมาณจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์จำนวน 11 ล้านบาท ไปให้กับสหกรณ์ต่างๆ ได้กู้ร้อยละ 1 บาท เพื่อนำไปซื้อผลผลิตจากเกษตรกร
นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีมาตรการอื่นๆ คือการส่งเสริมให้มีการจัดงานเพื่อระบายผลผลิตอีก 2-3 งาน ให้งบประมาณจำนวน 300,000 บาท การส่งเสริมการแปรรูปผลผลิตโดยเฉพาะนำไปอบแห้งเหมือนลำไยเพื่อให้ได้ราคาลิ้นจี่อบแห้งกิโลกรัมละ 70-80 บาท ตั้งเป้าเอาไว้ที่ 1,000 ตันลิ้นจี่สด และสามารถนำไปอบแห้งเหลือประมาณ 100 ตันลิ้นจี่แห้ง ทั้งนี้มีกลุ่มอบแห้งเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 10 กลุ่ม ให้เงินกู้ได้ 300,000 บาท และค่าพัฒนาเครื่องมืออุปกรณ์อีก 100,000 บาท
ขณะเดียวกันจะมีการระบายผลผลิตออกนอกพื้นที่จังหวัด โดยจ่ายค่าชดเชยให้กับเอกชนที่ขนกิโลเมตรละ 2 บาทโดยใช้งบประมาณ ของคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.)ด้วย
"ผลผลิตลิ้นจี่จากเชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา คาดว่าจะออกสู่ตลาดรวมกันกว่า 40,000 ตัน แต่คาดว่าจากมาตรการต่างๆ ดังกล่าว ซึ่งจะได้ไปร่วมประชุมกับทุกจังหวัดดังกล่าว จะทำให้ผลผลิตลิ้นจี่ที่มีมากในปี้มีราคาอยู่ที่กิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 12-13 บาทแน่นอน อันจะทำให้สามารถอยู่ได้ทุกฝ่ายทั้งผู้ค้าขายและเกษตรกร เพราะราคาต้นทุนของลิ้นจี่อยู่ที่กิโลกรัมละ 10.4 บาท" นายธวัชชัย กล่าว
ในแง่ของการระบายตลาดไปยังต่างประเทศ นายธวัชชัย กล่าวว่า ได้ประสานให้ทางสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย ไปตั้งจุดรับซื้อผลผลิตถึงพื้นที่ต่างๆ เพื่อการส่งออก ได้แก่ ที่ จ.เชียงราย 2 จุดใหญ่ๆ จ.เชียงใหม่ จำนวน 10 จุด จ.พะเยา จำนวน 13 จุด จ.น่าน จำนวน 5 จุด แต่ผลผลิตที่จะนำไปส่งให้สมาคมต้องมีคุณภาพดีคัดเกรดเพื่อให้เหมาะสมกับการส่งออก
สำหรับตลาดทั่วไป นอกจากจะมีการประสานไปยังตลาดทั่วไปเพื่อให้รับซื้อผลผลิตของเกษตรกรด้วยมาตรการดังกล่าวแล้ว เขายังได้หารือกับห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ เพื่อขอให้รับซื้อแล้วซึ่งแต่ละแห่ง พร้อมรับซื้อแต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นผลผลิตที่มีคุณภาพดีด้วย