“เมืองช้าง” เจ้าภาพระดมสมอง ดันข้าวหอมฯ “ทุ่งกุลา” ตีตลาดโลก

สุรินทร์- เมืองช้างเป็นเจ้าภาพประชุมคณะอนุกรรมการบริหารโครงการ “ผลิตข้าวหอมมะลิมาตรฐานเพื่อการส่งออกในเขตทุ่งกุลาร้องไห้” ระดมสมองรุกปรับปรุงโครงสร้างการผลิต การควบคุมและตรวจสอบคุณภาพ พร้อมเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการธรุกิจ เพื่อสร้างตลาดข้าวหอมมะลิคุณภาพมาตรฐานภายใต้ยี่ห้อ “ทุ่งกุลาร้องไห้” ตีตลาดในประเทศและตลาดโลก เผยสร้างรายได้ให้ชาวนา 5 จว.ทุ่งกุลาฯ แหล่งผลิตข้าวหอมฯของโลกปีละกว่า 7 พันล้าน

วันนี้ (24 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดสุรินทร์ว่า ที่ห้องประชุมโครงการชลประทานจังหวัดสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้จัดให้มีการประชุมคณะอนุกรรมการบริหาร “โครงการผลิตข้าวหอมมะลิมาตรฐานเพื่อการส่งออกในเขตทุ่งกุลาร้องไห้” โดยมี นายวิเชียร ชวลิต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์เป็นประธาน ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย นางสุภาพร พิมลลิขิต รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร นายวีระ วงศ์แสงนาค รองอธิบดีกรมชลประธาน และคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งเป็นตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ เพื่อบริหารจัดการอันจะนำไปสู่การปรับปรุงประสิทธิภาพการปลูกข้าวหอมมะลิในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ให้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานการผลิต การควบคุมและการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐาน การบรรจุถุงจนถึงมือผู้บริโภค และการจัดให้มีเครื่องหมายรับรองคุณภาพมาตรฐาน ที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว และเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการธุรกิจข้าวหอมมะลิ เพื่อสร้างตลาดข้าวหอมมะลิมาตรฐานภายใต้เครื่องหมายการค้า “ทุ่งกุลาร้องไห้” ซึ่งถือเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพของโลก ให้เป็นสินค้าคุณภาพได้มาตรฐานสู่ตลาดภายในและต่างประเทศต่อไป

ที่สำคัญเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ที่เข้าร่วมโครงการกว่า 85,000 ราย รวมพื้นที่เพาะปลูกจำนวน 1.27 ล้านไร่ ใน 5 จังหวัด ประกอบ จ.ร้อยเอ็ด 570,000 ไร่ สุรินทร์ 400,000 ไร่ ศรีสะเกษ 110,000 ไร่ มหาสารคาม 80,000 ไร่ และ จ.ยโสธร 110,000 ไร่ ซึ่งในปี 2550 ที่ผ่านมามีมูลค่าการส่งออกข้าวหอมมะลิดังกล่าวจำนวนรวมกว่า 7,000 ล้านบาท