ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ภาค 4 เรียกประชุมด่วนระดับผบก.และรองผบก. 11 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน พร้อมติดตามคดีคนเสื้อแดงบุกรุกสถานที่ราชการและปิดถนน โดยหลังการประชุมรองผู้บัญชาการภาค 4 เผยว่ามีเพียงขอนแก่น หนองคาย และอุดรธานี ที่แกนนำต้องถูกดำเนินคดี โดยไม่เร่งออกหมายจับ ให้ตร.หาพยานหลักฐานเพิ่ม เพื่อความเป็นธรรมทุกฝ่าย
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้(20 เม.ย.52) พล.ต.ต.วรนิต ทองมี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค4 ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.ภ.4 ให้ดูแลคดีเกี่ยวกับม็อบเสื้อแดงที่สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนส่วนรวม โดยภาค 4 ได้เรียกประชุมด่วน ระดับ ผบก.และรองผบก. ทั้ง 11 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนในสังกัดตำรวจภูธรภาค 4 ที่ห้องประชุมสำนักงานตำรวจภูธรภาค 4 จังหวัดขอนแก่น
พล.ต.ต.วรนิต แจ้งที่ประชุมถึงนโยบายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจทุกพื้นที่บังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องวางตัวเป็นกลางไม่เลือกสีโดยเด็ดขาด พร้อมทั้งให้แต่ละจังหวัดรายงานผลการติดตามคดีการชุมนุมของคนเสื้อแดง ที่ได้สร้างความเดือดร้อนจากการปิดถนนและการบุกรุกสถานที่ราชการ โดยได้ขอให้สื่อมวลชนออกจากห้องประชุมเพื่อทำการประชุมลับ เป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง
ภายหลังการประชุม พล.ต.ต.วรนิต ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ขณะนี้คืบหน้าไปกว่า 80 % โดยวันนี้ได้ขอให้ทุกจังหวัดกลับไปรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยให้ใช้หลักข้อเท็จจริงคู่กับหลักกฎหมาย ซึ่งจากรายงานที่ได้รับทราบวันนี้ มีเพียง 3 จังหวัดคือจังหวัดขอนแก่น ที่มีการปิดถนนมิตรภาพ และถนนบริเวณประตูเมือง รวมทั้งการบุกรุกNBT เพื่อให้หยุดออกอากาศ
จังหวัดหนองคาย ซึ่งผู้ชุมนุมปิดถนนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ทำให้ประชาชนจำนวนมากที่ต้องใช้เส้นทางสัญจรได้รับความเดือดร้อน และจังหวัดอุดรธานี ซึ่งทางตำรวจได้นำหมายศาลจับกุมนักจัดรายการวิทยุคลื่นชมรมคนรักอุดรฯ และยึดเครื่องส่งของสถานีฯ ที่ทำการปลุกระดมชาวบ้านไปร่วมชุมนุมคนเสื้อแดงป่วนบ้านเมืองมาตลอด
อย่างไรก็ตามรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้สั่งให้ทั้ง 3 จังหวัด กลับไปสอบสวนเพิ่มเติมก่อนจะออกหมายจับได้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะใช้เวลากี่วัน พล.ต.ต.วรนิต กล่าวว่า “ไม่อยากให้เร่งรีบ หรือจำกัดด้วยเวลา ขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่”
