กอ.รมน.ภาค 2 ประชุมด่วนทหาร-ตร.-ผู้ว่าฯอีสาน รุกปราบยาเสพติด/สกัดทะลักชายแดน

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - กอ.รมน.ภาค 2 รุกปราบยาเสพติดเรียกประชุมด่วนผู้ว่าฯ 19 จังหวัด-ตร.อีสานและผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 2 วางยุทธศาสตร์ป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด เผยเน้นมาตร 5 รั้วและสกัดยาเสพติดทะลัก 5 จว.ชายแดน ชี้เศรษฐกิจแย่ส่งผลระบาดหนักประกอบกับแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ย้ำทุกภาคส่วนต้องขับเคลื่อนแก้ไขร่วมกัน

วันนี้ (8 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 (ผอ.รมน.ภาค 2) เป็นประธาน ประชุมมอบนโยบายการรักษาความมั่นคงภายในและการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของศูนย์ต่อสู้เอาชนะยาเสพติดกองทัพภาคที่ 2 โดยมี ผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 2, ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดทั้ง 19 จังหวัดภาคอีสาน, ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3, ภาค 4 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจำนวนกว่า 80 คนเข้าร่วมประชุม

พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 และ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 เปิดเผยว่า วันนี้ได้กำชับและเน้นย้ำไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ภาคอีสานทั้ง 19 จังหวัด ในมาตรการหลัก คือ การปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกันตามนโยบายของรัฐบาล คือ รั้วชายแดน, รั้วชุมชน, รั้วสังคม, รั้วโรงเรียน และ รั้วครอบครัว ซึ่งมีเป้าหมายในการดำเนินการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดให้เห็นผลภายในระยะเวลา 6 เดือน โดยจะประเมินทุก 3 เดือน

สำหรับพื้นที่ตามแนวชายแดนที่มีการทะลักเข้ามาของยาเสพติด และอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงของภาคอีสาน คือ จังหวัดติดลำน้ำโขง เช่น หนองคาย, นครพนม, มุกดาหาร, อำนาจเจริญ และ อุบลราชธานี ที่พบว่ามีความถี่ในการทะลักเข้ามาของยาเสพติด ซึ่งการลำเลียงเข้ามาของยาเสพติดนั้น ส่วนใหญ่มักจะซุกซ่อนมากับสินค้า และผู้หลบหนีเข้าเมือง

จากนี้ไปจะต้องมีการปรับแผนในการดำเนินการ เน้นการสกัดกั้น การป้องปราม และ สร้างชุมนุมตามแนวชายแดนให้มีความเข้มแข็งและดึงประชาชนมาช่วยเจ้าหน้าที่ ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนมีความเข้าใจดี แต่การระบาดของยาเสพติดจำนวนมากนั้น เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจไม่ดีทำให้ความต้องการยาเสพติดมีมาก และการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ผ่านมาอาจแก้ไม่ถูกทาง ฉะนั้น จะต้องใช้ทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนร่วมกัน