แพร่ – เสื้อแดงเมืองแพร่หมดท่า ถอนเวทีหน้าศาลากลางแล้ว หลัง ส.ส.พรรคเพื่อไทย พยายามปลุกระดม 3 วันซ้อนแต่ไม่ได้ผล แฉนักการเมืองค่าย “ไข่แม้ว” แพร่ ปั่นกระแส “ประชิปไตยต้องมีทักษิณ” เป่าหูชาวบ้าน แถมหมิ่นผู้หลัก ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองถ้วนหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการชุมนุมของกลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ระดมหัวคะแนนและประชาชนที่สามารถชักชวนได้เข้าร่วมชุมนุมที่หน้าศาลากลางจังหวัดแพร่ ตั้งแต่เย็นวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา โดยนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล แกนนำหลักของ ส.ส.จังหวัดแพร่พรรคเพื่อไทย ที่เป็นแกนสำคัญในการนำประชาชนออกมาประท้วงพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี โดยมีประชาชนเข้าร่วมจำนวน 300 คน
นายวรวัจน์ ได้นำกล่าวโจมตี พล.อ.เปรม และระบอบอมาตยาธิปไตยอย่างรุนแรง นอกจากนั้นยังมีการขึ้นป้ายด้วยว่า “ไอ้ตุ๊ด ทูลเท็จ” และพยายามขับไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรีได้ 2 เดือน ว่า เป็นผู้ที่ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ และประชาชนเป็นหนี้
ในขณะที่ต้องเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ หมายความว่า ประชาธิปไตย ซึ่งเป็นการปลุกระดมประชาชนในชนบทที่อดีตเข้าใจว่าประชาธิปไตยที่เรียกร้องกันคือการไปเลือกตั้ง แต่ขณะนี้ความเข้าใจได้เพิ่มเข้ามาคือ การเป็นประชาธิปไตยได้ต้องมี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม การชุมนุมแม้จะมีเวทีและการเตรียมความพร้อมเครื่องปั้นไฟฟ้า เครื่องเสียงราคาแพงไม่ต่างจากการจัดคอนเสิร์ตของนักร้องชื่อดัง แต่ปรากฏว่าการชุมนุมเริ่มกร่อย ประชาชนมาร่วมได้ไม่นานก็พากันเดินทางกลับ จนในที่สุดต้องปิดเวทีไปโดยปริยาย ในขณะที่วันที่ 31 มีนาคม การชุมนุมไม่สามารถดำเนินการได้ โดยมีการเปิดเวทีตั้งแต่เวลา 09.00 น.แต่ไม่มีประชาชนมาร่วมทำให้เวทีต้องปิดไป และในวันที่ 1 เมษายนมีการรื้อถอนเวทีออกจากหน้าศาลากลางไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า กลุ่มประชาชนในจังหวัดแพร่ส่วนใหญ่ที่ไม่ศรัทธาพรรคประชาธิปัตย์เท่าไรนัก ต่างพากันดูการทำงานของนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคพระชาธิปัตย์ว่า มีการดำเนินงานที่ก้าวหน้าหรือถดถอยอย่างไร แต่ภาพของการทำงานเพียง 2 เดือนที่ผ่านมาพบว่า มีแนวทางในการทำงานที่น่าสนใจและต้องรอดูผลในระยะต่อไปเช่นการกู้ยืมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือการสร้างความเท่าเทียมในระบบนิติรัฐ ที่ทุกฝ่ายจะต้องมีความเท่าเทียมในกระบวนการยุติธรรม ทำให้ประชาชนกลุ่มนี้ที่เป็นกลุ่มใหญ่ไม่เข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยในการสวมใส่เสื้อแดงออกมาขับไล่รัฐบาล มีเพียงกลุ่มหัวคะแนนของพรรคเพื่อไทยทำให้สถานการณ์การชุมนุมที่จังหวัดแพร่อ่อนลงและในที่สุดต้องยุติการชุมนุมไปแล้ว