สกลนคร- แจกเช็คช่วยชาติวันแรกคึกคัก ชาวสกล กว่า 3,000 คน แห่มารับเช็คอย่างหนาแน่น
วันนี้ (26 มี.ค.) ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร อ.เมือง จ.สกลนคร ซึ่งเป็นสถานที่จ่ายเช็ค ช่วยชาติ 2,000 บาท ให้กับผู้ประกันตนที่มีสิทธิ์เงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ปรากฏว่า วันนี้ซึ่งเป็นวันแรกในการแจกเช็ค ตั้งแต่เช้ามีประชาชนกว่า 3,000 คน ทยอยเดินทางมาตรวจสอบสิทธิ์เพื่อขอรับเช็คตามสิทธิ์ของแต่ละคนกันอย่างคึกคัก
พร้อมกันนี้ นายสมบัติ ตรีสุวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ยังได้เป็นเกียรติมอบเช็คใบแรกให้กับ น.ส จันทร์เพ็ญ ชมพุทธกนก พนักงานบริษัทประกันชีวิต และของที่ระลึกในโอกาสเดินทางมารับเช็คคนแรกของจังหวัดสกลนครด้วย
สำหรับเช็คที่จ่ายไปในวันแรกนี้มียอดผู้ประกันตนที่ต้องมารับเช็คในเขตอำเภอเมืองจังหวัดสกลนคร จำนวน 3,608 ราย คิดเป็นเงิน 7,216,000 บาท
น.ส จันทร์เพ็ญ ชมพุทธกนก พนักงานบริษัทประกันชีวิต เปิดเผยว่า ตนรู้สึกดีใจขอเป็นตัวแทนพี่น้องชาวจังหวัดสกลนคร ขอบคุณรัฐบาลที่มีนโยบายในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจประเทศ และเงินที่ได้ก็จะนำไปใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์ โดยจะไม่เข้าเข้าห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ แต่จะนำไปใช้จ่ายในชุมชนเพื่อไม่ให้เม็ดเงินรั่วไหลออกต่างประเทศ
วันนี้ (26 มี.ค.) ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร อ.เมือง จ.สกลนคร ซึ่งเป็นสถานที่จ่ายเช็ค ช่วยชาติ 2,000 บาท ให้กับผู้ประกันตนที่มีสิทธิ์เงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ปรากฏว่า วันนี้ซึ่งเป็นวันแรกในการแจกเช็ค ตั้งแต่เช้ามีประชาชนกว่า 3,000 คน ทยอยเดินทางมาตรวจสอบสิทธิ์เพื่อขอรับเช็คตามสิทธิ์ของแต่ละคนกันอย่างคึกคัก
พร้อมกันนี้ นายสมบัติ ตรีสุวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ยังได้เป็นเกียรติมอบเช็คใบแรกให้กับ น.ส จันทร์เพ็ญ ชมพุทธกนก พนักงานบริษัทประกันชีวิต และของที่ระลึกในโอกาสเดินทางมารับเช็คคนแรกของจังหวัดสกลนครด้วย
สำหรับเช็คที่จ่ายไปในวันแรกนี้มียอดผู้ประกันตนที่ต้องมารับเช็คในเขตอำเภอเมืองจังหวัดสกลนคร จำนวน 3,608 ราย คิดเป็นเงิน 7,216,000 บาท
น.ส จันทร์เพ็ญ ชมพุทธกนก พนักงานบริษัทประกันชีวิต เปิดเผยว่า ตนรู้สึกดีใจขอเป็นตัวแทนพี่น้องชาวจังหวัดสกลนคร ขอบคุณรัฐบาลที่มีนโยบายในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจประเทศ และเงินที่ได้ก็จะนำไปใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์ โดยจะไม่เข้าเข้าห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ แต่จะนำไปใช้จ่ายในชุมชนเพื่อไม่ให้เม็ดเงินรั่วไหลออกต่างประเทศ