สกลนคร - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระราชทานสิ่งของเครื่องใช้ ในการอุปโภคบริโภคและเครื่องนุ่งห่ม พร้อมอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือน ไปมอบเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับราษฎรผู้ประสบวาตภัยจากพายุฤดูร้อน ที่จังหวัดสกลนคร
เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 ค่ายศรีสกุลวงศ์ จังหวัดสกลนคร นำสิ่งของพระราชทาน จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ไปมอบให้กับราษฎรบ้านหนองส่าน หมู่ที่ 11 ตำบลโคกภู อำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร ที่ได้รับความเดือดร้อน จากพายุฤดูร้อนพัดบ้านเรือนพังเสียหาย จำนวน 35 หลังคาเรือน เหตุเกิดเมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ 15 มีนาคม ที่ผ่านมาแต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
สำหรับสิ่งของพระราชทานดังกล่าว ประกอบด้วย สังกะสีมุงหลังคา ตะปู ข้าวสาร เครื่องนุ่งห่มและสิ่งของเครื่องใช้อื่นๆที่สำคัญต้องใช้ในชีวิตประจำวัน
นางน้อม ชนล็อก อายุ 66 ปี บ้านเลขที่ 50/1 หมู่ 11 บ้านหนองส่าน ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ประสบภัยดังกล่าว บอกว่า ตนอาศัยอยู่บ้านคนเดียว ตอนเกิดเหตุได้ไปดูการนับคะแนนเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านในวัด ตอนนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มและมีพายุฝนพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง จนต้นมะพร้าวในวัดหักโค่นหลายต้น ส่วนหลังคาวัดก็ถูกพัดพังเสียหาย ต่อมาจึงทราบว่าบ้านของตนก็ถูกพายุพัดจนหลังคาปลิวไปหมดทั้งหลัง ตอนนี้ไม่มีที่อยู่จึงต้องไปอาศัยอยู่กับเพื่อนบ้าน
เมื่อในหลวงพระราชทานสิ่งของช่วยเหลือก็รู้สึกซาบซึ้งและดีใจที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้ สร้างความปลาบปลื้มใจให้แก่ราษฎรบ้านหนองส่าน ที่ประสบภัยพายุฤดูร้อนอย่างหาที่สุดมิได้ ส่วนการช่วยเหลือนั้น ก็ต้องขอแรงจากเพื่อนบ้าน เพราะลำพังตนคงไม่มีปัญญาทำได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 ค่ายศรีสกุลวงศ์ จังหวัดสกลนคร นำสิ่งของพระราชทาน จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ไปมอบให้กับราษฎรบ้านหนองส่าน หมู่ที่ 11 ตำบลโคกภู อำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร ที่ได้รับความเดือดร้อน จากพายุฤดูร้อนพัดบ้านเรือนพังเสียหาย จำนวน 35 หลังคาเรือน เหตุเกิดเมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ 15 มีนาคม ที่ผ่านมาแต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
สำหรับสิ่งของพระราชทานดังกล่าว ประกอบด้วย สังกะสีมุงหลังคา ตะปู ข้าวสาร เครื่องนุ่งห่มและสิ่งของเครื่องใช้อื่นๆที่สำคัญต้องใช้ในชีวิตประจำวัน
นางน้อม ชนล็อก อายุ 66 ปี บ้านเลขที่ 50/1 หมู่ 11 บ้านหนองส่าน ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ประสบภัยดังกล่าว บอกว่า ตนอาศัยอยู่บ้านคนเดียว ตอนเกิดเหตุได้ไปดูการนับคะแนนเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านในวัด ตอนนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มและมีพายุฝนพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง จนต้นมะพร้าวในวัดหักโค่นหลายต้น ส่วนหลังคาวัดก็ถูกพัดพังเสียหาย ต่อมาจึงทราบว่าบ้านของตนก็ถูกพายุพัดจนหลังคาปลิวไปหมดทั้งหลัง ตอนนี้ไม่มีที่อยู่จึงต้องไปอาศัยอยู่กับเพื่อนบ้าน
เมื่อในหลวงพระราชทานสิ่งของช่วยเหลือก็รู้สึกซาบซึ้งและดีใจที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้ สร้างความปลาบปลื้มใจให้แก่ราษฎรบ้านหนองส่าน ที่ประสบภัยพายุฤดูร้อนอย่างหาที่สุดมิได้ ส่วนการช่วยเหลือนั้น ก็ต้องขอแรงจากเพื่อนบ้าน เพราะลำพังตนคงไม่มีปัญญาทำได้