ฉะเชิงเทรา - สรรพากรพื้นที่ฉะเชิงเทรา แจ้งเตือนผู้ที่ฉ้อโกงภาษีโดยการจัดตั้งคณะบุคคลเป็นเท็จ
นายสุทธิชัย สังขมณี สรรพากรพื้นที่ฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า ด้วยกรมสรรพากรได้ตรวจสอบพบว่า ปัจจุบันได้มีการหลีกเลี่ยงภาษี หรือฉ้อโกงภาษี โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สร้างรายจ่ายเท็จ โดยวิธีการจัดตั้งคณะบุคคลเป็นเท็จและสร้างหลักฐานว่ามีการจ่ายค่าใช้จ่ายให้แก่คณะบุคคลที่จัดตั้งขึ้น เพื่อให้มีกำไรสุทธิน้อยลงหรือมีผลขาดทุนสุทธิ ทำให้เสียภาษีน้อยลงหรือไม่ต้องเสียภาษี หรือมีการขอคืนภาษี
นอกจากนี้ยังพบว่าผู้มีเงินได้ที่เป็นบุคคลธรรมดาที่มีฐานเงินได้จำนวนมากได้ทำการหลีกเลี่ยงภาษีโดยวิธีจัดตั้งคณะบุคคลขึ้นมาหลายๆ คณะ โดยจะมีชื่อของผู้มีเงินได้อยู่ในทุกคณะบุคคล แต่ชื่อผู้ร่วมจัดตั้งคณะบุคคลจะเปลี่ยนไป เพื่อกระจายฐานเงินได้ที่แท้จริง ทำให้เสียภาษีในอัตราต่ำ นอกจากนี้ ยังมีกรณีคณะบุคคลที่ไม่เคยมีเงินได้ แต่ได้ขอคืนภาษีโดยอ้างว่า ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้
พฤติการณ์ดังกล่าวนอกจากต้องรับผิดทางแพ่งโดยต้องชำระภาษีพร้อมทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแล้วยังอาจมีความผิดทางอาญา โดยถือเป็นความผิดฐานเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองแสนบาท ตามมาตรา 37 แห่งประมวลรัษฎากรและหากกระทำการเพื่อขอคืนภาษีอันเป็นเท็จ อาจเป็นความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง (เงินภาษีอากรของรัฐ) ตามมาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังอาจมีความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายอาญาอีกฐานหนึ่ง ดังนั้น เพื่อมิให้ประชาชนผู้มีหน้าที่เสียภาษีกระทำการไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือโดยสำคัญผิด จึงขอประชาสัมพันธ์มาให้ทราบเพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำหรือพฤติการณ์เช่นว่านั้นต่อไป
นายสุทธิชัย สังขมณี สรรพากรพื้นที่ฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า ด้วยกรมสรรพากรได้ตรวจสอบพบว่า ปัจจุบันได้มีการหลีกเลี่ยงภาษี หรือฉ้อโกงภาษี โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สร้างรายจ่ายเท็จ โดยวิธีการจัดตั้งคณะบุคคลเป็นเท็จและสร้างหลักฐานว่ามีการจ่ายค่าใช้จ่ายให้แก่คณะบุคคลที่จัดตั้งขึ้น เพื่อให้มีกำไรสุทธิน้อยลงหรือมีผลขาดทุนสุทธิ ทำให้เสียภาษีน้อยลงหรือไม่ต้องเสียภาษี หรือมีการขอคืนภาษี
นอกจากนี้ยังพบว่าผู้มีเงินได้ที่เป็นบุคคลธรรมดาที่มีฐานเงินได้จำนวนมากได้ทำการหลีกเลี่ยงภาษีโดยวิธีจัดตั้งคณะบุคคลขึ้นมาหลายๆ คณะ โดยจะมีชื่อของผู้มีเงินได้อยู่ในทุกคณะบุคคล แต่ชื่อผู้ร่วมจัดตั้งคณะบุคคลจะเปลี่ยนไป เพื่อกระจายฐานเงินได้ที่แท้จริง ทำให้เสียภาษีในอัตราต่ำ นอกจากนี้ ยังมีกรณีคณะบุคคลที่ไม่เคยมีเงินได้ แต่ได้ขอคืนภาษีโดยอ้างว่า ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้
พฤติการณ์ดังกล่าวนอกจากต้องรับผิดทางแพ่งโดยต้องชำระภาษีพร้อมทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแล้วยังอาจมีความผิดทางอาญา โดยถือเป็นความผิดฐานเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองแสนบาท ตามมาตรา 37 แห่งประมวลรัษฎากรและหากกระทำการเพื่อขอคืนภาษีอันเป็นเท็จ อาจเป็นความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง (เงินภาษีอากรของรัฐ) ตามมาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังอาจมีความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายอาญาอีกฐานหนึ่ง ดังนั้น เพื่อมิให้ประชาชนผู้มีหน้าที่เสียภาษีกระทำการไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือโดยสำคัญผิด จึงขอประชาสัมพันธ์มาให้ทราบเพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำหรือพฤติการณ์เช่นว่านั้นต่อไป