ลำปาง -ตำรวจลำปางส่งสำนวนสอบสวนพร้อมตัวเต๋าให้อัยการพิจารณาแล้ว โดยเบื้องต้นอัยการนัดฟังการสรุปสำนวนฟ้องหรือไม่ในวันที่ 7 พ.ค.52
เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น.วันนี้ (17 มี.ค. ) พ.ต.ท.โสภณ ผลกันทา รอง ผกก.สส.สภ.เมืองลำปาง และ ร.ต.ท.วรเทพ คำดี พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเต๋า สมชาย ทำร้ายร่างกาย โกตา หรือ นายวีระชาติ เด่นสิริกุล อายุ 56 ปี เจ้าของร้านขายของชำในตัวเมืองลำปาง นำตัวสมชาย หรือ เต๋า เข็ดกลัด พร้อมสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าว ส่งให้อัยการพิจารณาแล้ว
การเดินทางมาของ เต๋า สมชาย ในวันนี้ต่างจากทุกครั้ง เต๋ามีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ได้พูดทักทายกับผู้สื่อข่าว และเจ้าหน้าที่ที่ประจำสักนักงานอัยการจังหวัดลำปาง จากนั้น พ.ต.ท.โสภณ ผลกันทา ได้ให้เต๋าเซ็นรับทราบการสรุปสำนวนตามคดีที่ 56/2552 ลงวันที่ 5 ม.ค.52 ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่รายการหรือจิตใจ ซึ่งสำนวนคดีมีจำนวน 122 แผ่น
ทั้งนี้ ได้ส่งตัว เต๋า สมชาย ให้กับ นางรำไพ เชาวน์ชัย อัยการจังหวัดคดีศาลแขวงลำปาง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่งเต๋าได้เข้าพบอัยการใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง โดยอัยการได้นัดเต๋ามารับทราบผลการพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องตามที่ตำรวจสรุปสำนวนมาหรือไม่ในวันที่ 7 พ.ค.2552 เวลา 09.00 น.อีกครั้ง
ก่อนเดินทางกลับ เต๋า ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ว่า “เชื่อว่า วันหนึ่งความดีมีอยู่จริงในโลก เชื่อว่า ถ้าเรามีความศรัทธาทุกอย่างจะเกิดขึ้นจริง ทุกอย่างต้องรอ แล้วความจริงจะปรากฏเอง”
ส่วน นายรัฐพล พุทธรอด ทนายความส่วนตัวของ เต๋า สมชาย กล่าวว่า พนักงานอัยการได้นัดมาพบอีกครั้งในวันที่ 7 พ.ค.2552 ตอนนี้พนักงานอัยการรอสรุปสำนวนอยู่ สำหรับความมั่นใจในการดำเนินคดี นายรัฐพล กล่าวว่า ยังไม่สามารถตอบได้ จะต้องดูจากพยานหลักฐานว่ามีอะไรขาดเหลือบ้าง
นางรำไพ เชาวน์ชัย อัยการจังหวัดคดีศาลแขวงลำปาง กล่าวว่า การเข้าพบของเต๋าไม่ได้มีอะไรเป็นกรณีพิเศษ ได้พูดคุยข้อเท็จจริงนิดหน่อย ซึ่งเราจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย โดยจะใช้กฎหมายเท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ หรือประชาชนทั่วไปเราให้ความสำคัญเท่าเทียมกัน สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้ จะดูจากสำนวนว่าพยานหลักฐานครบถ้วนหรือไม่ ถ้ายังไม่ครบถ้วน ต้องมีการสั่งพนักงานสอบสวนให้สอบสวนเพิ่มเติม หากดูแล้วหลักฐานครบถ้วนก็จะสั่งฟ้องได้ในวันที่ 7 พ.ค.2552
เมื่อสอบถามถึงโทษคดีทำร้ายร่างกายของ เต๋า สมชาย อัยการจังหวัด กล่าวว่า คดีแรกของเต๋า ที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการรอลงอาญาไว้ 1 ปี ยังไม่ครบกำหนด แต่มาทำความผิดซ้ำจะต้องนำโทษเดิมมาบวกกับโทษในคดีนี้ แต่ทั้งนี้ ศาลจะมีคำพิพากษานำโทษมาบวกหรือไม่ยังบอกไม่ได้ เพราะเป็นดุลยพินิจของศาลซึ่งไม่อาจก้าวล่วงได้ ซึ่งโทษของคดีทำร้ายร่างกาย มาตรา 295 มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยต้องอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลแขวง
