ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – “รงค์ วงษ์สวรรค์” ยังอาการหนัก นอนห้องไอซียูใช้เครื่องช่วยหายใจ แพทย์เผยหัวใจหยุดเต้นแล้ว 3 ครั้ง แต่ปั๊มหัวใจช่วยเป็นผลสำเร็จ ขณะที่ลูกชายคนโตเดินทางจากต่างประเทศมาถึงพร้อมเฝ้าดูแลอาการอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังมีเพื่อนเก่าที่เคยนำมาเขียนเป็นตัวละครในหนังสือเข้าเยี่ยมด้วย
ความคืบหน้าอาการป่วยของ “รงค์ วงษ์สวรรค์” ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2538 และนักเขียนชื่อดังขอวงเมืองไทย ผู้ได้รับการขนานนามว่า “พญาอินทรีย์แห่งสวนอักษร” ที่รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูโรงพยาบาลเทพปัญญา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 13 มี.ค.2552 ด้วยอาการหมดสติและมีเลือดออกในแกนสมอง รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่า วันนี้ (15 มี.ค.) ศิลปินแห่งชาติผู้นี้ยังมีอาการอยู่ในขั้นวิกฤต แพทย์ต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.นายวงษ์ดำเริง วงษ์สวรรค์ ลูกชายคนโตของ “รงค์ วงษ์สวรรค์” ได้เดินทางจากประเทศสหรัฐอเมริกามาถึงโรงพยาบาล เพื่อเยี่ยมอาการป่วยของผู้เป็นพ่อ โดยได้มีการอัญเชิญพระพุทธรูปปางมารวิชัย เข้าไปภายในห้องไอซียูที่ศิลปินแห่งชาตินอนพักรักษาตัวอยู่ ส่วนลูกชายคนเล็กอีกคนที่อยู่สหรัฐอเมริกาเช่นกัน จะมาถึงในวันพรุ่งนี้ (16 มี.ค.)
นอกจากนี้ ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ยังได้มี นายสุภี ปสุตนาวิน และนายนรา เขียวแก้ว เพื่อนสมัยที่เคยใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยกัน เดินทางเข้าเยี่ยม “รงค์ วงษ์สวรรค์” ด้วย พร้อมลงชื่อในสมุดเยี่ยมที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้บริเวณชั้น 1 ของโรงพยาบาล โดยนายนรานั้นเป็นตัวละครหนึ่งที่ “รงค์ วงษ์สวรรค์” นำไปใช้เขียนในหนังสือเรื่อง “ใต้ถุนป่าคอนกรีต” ซึ่งเป็นผลงานในปี 2511
ขณะที่เวลาประมาณ 12.30 น.วันนี้ นายแพทย์นพพร นิวัฒนนันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลเทพปัญญา เปิดเผยอาการป่วยของ “รงค์ วงษ์สวรรค์” ว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.45 น.วานนี้ ผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น ทีมแพทย์ต้องทำการปั๊มหัวใจ เป็นเวลา 10 นาที จนหัวใจกลับมาเต้นด้วยอัตรา 111 ครั้งต่อนาที และต้องให้ยากระตุ้นการทำงานของหัวใจ นอกจากนี้ในวันนี้ผู้ป่วยได้หัวใจหยุดเต้น และแพทย์ต้องทำการปั๊มหัวใจอีก 2 ครั้ง เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น.และ 12.00 น.จนหัวใจกลับมาเต้น ล่าสุด ผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัว ต้องหายใจตามเครื่องช่วยหายใจ
รายงานข่าวแจ้งว่าเดิมที นายวงษ์ดำเริง ลูกชาย “รงค์ วงษ์สวรรค์” จะแถลงข่าวอาการป่วยของผู้เป็นพ่อร่วมกับทางโรงพยาบาลด้วย อย่างไรก็ตามต่อมาได้ยกเลิกไป เนื่องจากผู้ป่วยยังอยู่ในภาวะวิกฤตและอาการไม่คงที่ ทางครอบครัวจึงอยากใช้เวลาดูแลผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด
ความคืบหน้าอาการป่วยของ “รงค์ วงษ์สวรรค์” ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2538 และนักเขียนชื่อดังขอวงเมืองไทย ผู้ได้รับการขนานนามว่า “พญาอินทรีย์แห่งสวนอักษร” ที่รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูโรงพยาบาลเทพปัญญา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 13 มี.ค.2552 ด้วยอาการหมดสติและมีเลือดออกในแกนสมอง รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่า วันนี้ (15 มี.ค.) ศิลปินแห่งชาติผู้นี้ยังมีอาการอยู่ในขั้นวิกฤต แพทย์ต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.นายวงษ์ดำเริง วงษ์สวรรค์ ลูกชายคนโตของ “รงค์ วงษ์สวรรค์” ได้เดินทางจากประเทศสหรัฐอเมริกามาถึงโรงพยาบาล เพื่อเยี่ยมอาการป่วยของผู้เป็นพ่อ โดยได้มีการอัญเชิญพระพุทธรูปปางมารวิชัย เข้าไปภายในห้องไอซียูที่ศิลปินแห่งชาตินอนพักรักษาตัวอยู่ ส่วนลูกชายคนเล็กอีกคนที่อยู่สหรัฐอเมริกาเช่นกัน จะมาถึงในวันพรุ่งนี้ (16 มี.ค.)
นอกจากนี้ ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ยังได้มี นายสุภี ปสุตนาวิน และนายนรา เขียวแก้ว เพื่อนสมัยที่เคยใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยกัน เดินทางเข้าเยี่ยม “รงค์ วงษ์สวรรค์” ด้วย พร้อมลงชื่อในสมุดเยี่ยมที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้บริเวณชั้น 1 ของโรงพยาบาล โดยนายนรานั้นเป็นตัวละครหนึ่งที่ “รงค์ วงษ์สวรรค์” นำไปใช้เขียนในหนังสือเรื่อง “ใต้ถุนป่าคอนกรีต” ซึ่งเป็นผลงานในปี 2511
ขณะที่เวลาประมาณ 12.30 น.วันนี้ นายแพทย์นพพร นิวัฒนนันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลเทพปัญญา เปิดเผยอาการป่วยของ “รงค์ วงษ์สวรรค์” ว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.45 น.วานนี้ ผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น ทีมแพทย์ต้องทำการปั๊มหัวใจ เป็นเวลา 10 นาที จนหัวใจกลับมาเต้นด้วยอัตรา 111 ครั้งต่อนาที และต้องให้ยากระตุ้นการทำงานของหัวใจ นอกจากนี้ในวันนี้ผู้ป่วยได้หัวใจหยุดเต้น และแพทย์ต้องทำการปั๊มหัวใจอีก 2 ครั้ง เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น.และ 12.00 น.จนหัวใจกลับมาเต้น ล่าสุด ผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัว ต้องหายใจตามเครื่องช่วยหายใจ
รายงานข่าวแจ้งว่าเดิมที นายวงษ์ดำเริง ลูกชาย “รงค์ วงษ์สวรรค์” จะแถลงข่าวอาการป่วยของผู้เป็นพ่อร่วมกับทางโรงพยาบาลด้วย อย่างไรก็ตามต่อมาได้ยกเลิกไป เนื่องจากผู้ป่วยยังอยู่ในภาวะวิกฤตและอาการไม่คงที่ ทางครอบครัวจึงอยากใช้เวลาดูแลผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด
