แม่ฮ่องสอน - ผอ.ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเพื่อนบ้านด้านพม่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน สั่งห้ามนำเข้าสิ่งประดิษฐ์ไม้จากประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ประธานหอการค้าเมืองสามหมอกหวั่นกระทบเศษฐกิจการท่องเที่ยว เตรียมเข้าพบผู้ว่าฯเพื่อหารือ
รายงานจากจังหวัดแม่ฮ่องสอนแจ้งว่า นายธงชัย วงษ์เหรียญทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านพม่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ประกาศยกเลิกประกาศจังหวัดแม่ฮ่องสอน ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านพม่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน เรื่อง การนำเข้าสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใดที่ทำด้วยไม้เข้ามาในราชอาณาจักรตามแนวชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ.2551 ลงวันที่ 17 เมษายน 2551 และประกาศจังหวัดแม่ฮ่องสอน ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านพม่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน เรื่องแนทางการปฏิบัติในการนำเข้าสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใดที่ทำด้วยไม้เข้ามาในราชอาณาจักรตามแนวชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ.2551 ลงวันที่ 17 เมษายน 2551 คำสั่งดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2552 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการสั่งห้ามนำเข้าสิ่งประดิษฐ์ที่ทำด้วยไม้
แหล่งข่าวชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน ระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา บริษัทบางกอกราชาอุตสาหกรรมป่าไม้ ประเทศไทย จำกัด โดยนายสุจิน ชาติศิริโสภณ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฯ ได้ นำเข้าสิ่งประดิษฐี่ทำด้วยไม้ ประมาณ 2,000 ชิ้น ประเภทไม้คิ้ว/ไม้บัว นำเข้ามาจากฝั่งพม่าผ่านช่องทางบ้านห้วยผึ้ง ต.ห้วยผา อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน โดยเสียภาษีปากระวางกับด่านศูลกากรแม่ฮ่องสอน แต่ถูกทหารร้อย ร.173 ฐานปฏิบัติการช่องทางบ้านห้วยผึ้ง ไม่ให้นำสิ่งประดิษฐ์ผ่านเข้ามายังตลาดร้องแห้ง ต.ห้วยผา อ.เมือง ซึ่งอยู่ห่างจากสันเขตแดนเข้ามาฝั่งไทยประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้สิ่งประดิษฐ์ที่ทำด้วยไม้ดังกล่าวอยู่ในควบคุมของทหารไทย ต่อมา นายสุจิน ได้นำเอกสารหลักฐานการเสียภาษีปากระวางที่ด่านศูลกากรแม่ฮ่องสอนมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ทหารได้ดู แต่ทางทหารระบุว่ากฏระเบียบการนำเข้าดังกล่าวจังหวัดแม่ฮ่องสอนยังไม่มีคำสั่งลงมา
ทางด้านนายสุพจน์ กลิ่นปราณีต ประธานหอการค้าจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนประกาศยกเลิกคำสั่งดังกล่าว อย่างไรก็ตามในวันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2552 จะเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อสอบถามเรื่องการประกาศยกเลิกคำสั่งดังกล่าว เพราะจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีรายมาจากการท่องเที่ยวและการค้าชายแดนเป็นหลัก และเมื่อห้ามการนำเข้าสินค้าก็จะทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ
รายงานจากจังหวัดแม่ฮ่องสอนแจ้งว่า นายธงชัย วงษ์เหรียญทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านพม่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ประกาศยกเลิกประกาศจังหวัดแม่ฮ่องสอน ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านพม่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน เรื่อง การนำเข้าสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใดที่ทำด้วยไม้เข้ามาในราชอาณาจักรตามแนวชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ.2551 ลงวันที่ 17 เมษายน 2551 และประกาศจังหวัดแม่ฮ่องสอน ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านพม่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน เรื่องแนทางการปฏิบัติในการนำเข้าสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใดที่ทำด้วยไม้เข้ามาในราชอาณาจักรตามแนวชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ.2551 ลงวันที่ 17 เมษายน 2551 คำสั่งดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2552 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการสั่งห้ามนำเข้าสิ่งประดิษฐ์ที่ทำด้วยไม้
แหล่งข่าวชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน ระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา บริษัทบางกอกราชาอุตสาหกรรมป่าไม้ ประเทศไทย จำกัด โดยนายสุจิน ชาติศิริโสภณ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฯ ได้ นำเข้าสิ่งประดิษฐี่ทำด้วยไม้ ประมาณ 2,000 ชิ้น ประเภทไม้คิ้ว/ไม้บัว นำเข้ามาจากฝั่งพม่าผ่านช่องทางบ้านห้วยผึ้ง ต.ห้วยผา อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน โดยเสียภาษีปากระวางกับด่านศูลกากรแม่ฮ่องสอน แต่ถูกทหารร้อย ร.173 ฐานปฏิบัติการช่องทางบ้านห้วยผึ้ง ไม่ให้นำสิ่งประดิษฐ์ผ่านเข้ามายังตลาดร้องแห้ง ต.ห้วยผา อ.เมือง ซึ่งอยู่ห่างจากสันเขตแดนเข้ามาฝั่งไทยประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้สิ่งประดิษฐ์ที่ทำด้วยไม้ดังกล่าวอยู่ในควบคุมของทหารไทย ต่อมา นายสุจิน ได้นำเอกสารหลักฐานการเสียภาษีปากระวางที่ด่านศูลกากรแม่ฮ่องสอนมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ทหารได้ดู แต่ทางทหารระบุว่ากฏระเบียบการนำเข้าดังกล่าวจังหวัดแม่ฮ่องสอนยังไม่มีคำสั่งลงมา
ทางด้านนายสุพจน์ กลิ่นปราณีต ประธานหอการค้าจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนประกาศยกเลิกคำสั่งดังกล่าว อย่างไรก็ตามในวันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2552 จะเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อสอบถามเรื่องการประกาศยกเลิกคำสั่งดังกล่าว เพราะจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีรายมาจากการท่องเที่ยวและการค้าชายแดนเป็นหลัก และเมื่อห้ามการนำเข้าสินค้าก็จะทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ