อุดรธานี- เผยผู้บริโภคลดบริโภคถั่วลิสงป่น หวั่นเจอสารปนเปื้อนสารพิษอะฟลาทอกซิน สะสมในร่างกายนานเป็นมะเร็ง ขณเดียวกันจากสุ่มตราวจตัวอย่างถั่วลิสงป่นในเขตจังหวัดอุดรธานี 20 ตัวอย่างพบ การปนเปื้อนของสารพิษอะฟลาทอกซิน เกินมาตรฐานถึง 16 ตัวอย่างหรือพบร้อยละ 80
นายปวิต ถมยาวิทย์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่าปัจจุบัน สารพิษอะฟลาท๊อกซินนับเป็นปัญหาใหญ่มาก หลายคนไม่กล้ารับประทานถั่วลิสงป่นเนื่องจากกลัวสารพิษนี้ การใช้กากถั่วลิสงเป็นอาหารสัตว์มีจำนวนลดลง เพราะผู้เลี้ยงกลัวจะเป็นอันตรายต่อสัตว์และไม่เพียงแต่ถั่วลิสงอย่างเดียว ข้าวโพด พริก ก็กำลังประสบปัญหาสารพิษนี้เช่นกัน
นายปวิตกล่าวต่อว่า ถั่วลิสงที่เก็บเกี่ยวแล้ว หากไม่ตากให้แห้งสนิทมักจะถูกเชื้อราแอสเปอร์จิลลัส ฟลาวัส เข้าทำลายให้เมล็ดเน่าเสีย แล้วก็จะเกิดสารพิษที่ชื่อว่า อะฟลาทอกซิน ขึ้น สารพิษร้ายชนิดนี้เป็นสารเหตุสำคัญของโรคมะเร็งตับ ซึ่งพบได้ในทั้งคนและสัตว์ องค์การอนามัยโลกและบรรดาประเทศต่างๆ จึงได้พากันกำหนดปริมาณสูงสุดที่จะอนุญาตให้มีอยู่ในสารอาหารได้ไม่เกิน 5-30 ส่วนในพันล้านส่วน
และจากการสุ่มเก็บตัวอย่างถั่วลิสงป่นของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี เมื่อเดือนมกราคม 2552 พบว่า จากตัวอย่างถั่วลิสงป่นในเขตจังหวัดอุดรธานี 20 ตัวอย่างพบ การปนเปื้อนของสารพิษอะฟลาทอกซิน เกินมาตรฐานถึง 16 ตัวอย่าง หรือพบร้อยละ 80
ฉะนั้น จึงเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ผู้บริโภคควนป้องกันตัวเองอย่างง่ายๆ โดยรับประทานถั่วลิสงป่นใหม่ๆ หรือควรหลีกเลี่ยงการรับประทานถั่วลิสงป่นที่เก็บไว้นาน ส่วนเกษตรกรเองก็ควรผลิตถั่วลิสงให้ปลอกสารพิษนี้ โดยทำได้หลายวิธี เช่น หลีเลี่ยงการปลุกถั่วลิสงในที่เคยมรประวัติการระบาดของพืชศัตรูในดิน อย่าให้ถั่วลิสงกระทบแล้งในช่วงติดฝักอ่อน เพราะจะอ่อนแอต่อการเข้าทำร้ายเชื้อรา เก็บถั่วลิสงในช่วงที่ฝักแก่พอดี
ขณะที่เก็บเกี่ยวหากเกิดแผลกับฝักควรแยกคัดทิ้ง ที่สำคัญจะต้องลดความชื้นทันทีหลังเก็บเกี่ยว โดยวิธีตากให้แห้งให้ฝักถั่วได้โดนแดดประมาณ 5 วัน เพื่อลดความชื้นให้ต่ำกว่า 9 เปอร์เซ็นต์ ก่อนำเข้าเก็บ หรือหากเก็บเกี่ยวในช่วงที่ฝนตกชุก ควรนำฝักถั่วเข้าเครื่องอบโดยใช้อุณหภูมิ 38-40 องศาเซลเซียส วิธีการเหล่านี้ก็จะช่วยลดการเกิดเชื้อราอันเป็นสาเหตุของสารพิษดังกล่าว
นายปวิต ถมยาวิทย์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่าปัจจุบัน สารพิษอะฟลาท๊อกซินนับเป็นปัญหาใหญ่มาก หลายคนไม่กล้ารับประทานถั่วลิสงป่นเนื่องจากกลัวสารพิษนี้ การใช้กากถั่วลิสงเป็นอาหารสัตว์มีจำนวนลดลง เพราะผู้เลี้ยงกลัวจะเป็นอันตรายต่อสัตว์และไม่เพียงแต่ถั่วลิสงอย่างเดียว ข้าวโพด พริก ก็กำลังประสบปัญหาสารพิษนี้เช่นกัน
นายปวิตกล่าวต่อว่า ถั่วลิสงที่เก็บเกี่ยวแล้ว หากไม่ตากให้แห้งสนิทมักจะถูกเชื้อราแอสเปอร์จิลลัส ฟลาวัส เข้าทำลายให้เมล็ดเน่าเสีย แล้วก็จะเกิดสารพิษที่ชื่อว่า อะฟลาทอกซิน ขึ้น สารพิษร้ายชนิดนี้เป็นสารเหตุสำคัญของโรคมะเร็งตับ ซึ่งพบได้ในทั้งคนและสัตว์ องค์การอนามัยโลกและบรรดาประเทศต่างๆ จึงได้พากันกำหนดปริมาณสูงสุดที่จะอนุญาตให้มีอยู่ในสารอาหารได้ไม่เกิน 5-30 ส่วนในพันล้านส่วน
และจากการสุ่มเก็บตัวอย่างถั่วลิสงป่นของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี เมื่อเดือนมกราคม 2552 พบว่า จากตัวอย่างถั่วลิสงป่นในเขตจังหวัดอุดรธานี 20 ตัวอย่างพบ การปนเปื้อนของสารพิษอะฟลาทอกซิน เกินมาตรฐานถึง 16 ตัวอย่าง หรือพบร้อยละ 80
ฉะนั้น จึงเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ผู้บริโภคควนป้องกันตัวเองอย่างง่ายๆ โดยรับประทานถั่วลิสงป่นใหม่ๆ หรือควรหลีกเลี่ยงการรับประทานถั่วลิสงป่นที่เก็บไว้นาน ส่วนเกษตรกรเองก็ควรผลิตถั่วลิสงให้ปลอกสารพิษนี้ โดยทำได้หลายวิธี เช่น หลีเลี่ยงการปลุกถั่วลิสงในที่เคยมรประวัติการระบาดของพืชศัตรูในดิน อย่าให้ถั่วลิสงกระทบแล้งในช่วงติดฝักอ่อน เพราะจะอ่อนแอต่อการเข้าทำร้ายเชื้อรา เก็บถั่วลิสงในช่วงที่ฝักแก่พอดี
ขณะที่เก็บเกี่ยวหากเกิดแผลกับฝักควรแยกคัดทิ้ง ที่สำคัญจะต้องลดความชื้นทันทีหลังเก็บเกี่ยว โดยวิธีตากให้แห้งให้ฝักถั่วได้โดนแดดประมาณ 5 วัน เพื่อลดความชื้นให้ต่ำกว่า 9 เปอร์เซ็นต์ ก่อนำเข้าเก็บ หรือหากเก็บเกี่ยวในช่วงที่ฝนตกชุก ควรนำฝักถั่วเข้าเครื่องอบโดยใช้อุณหภูมิ 38-40 องศาเซลเซียส วิธีการเหล่านี้ก็จะช่วยลดการเกิดเชื้อราอันเป็นสาเหตุของสารพิษดังกล่าว
