xs
xsm
sm
md
lg

เมืองพัทยาได้ฤกษ์ประชุมร่วมบอร์ดสนามบินอู่ตะเภา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวศรีราชา - เมืองพัทยาได้ฤกษ์ประชุมร่วมบอร์ดสนามบินอู่ตะเภา หารือแนวทางการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม หวังใช้เป็นจุดขายทางการท่องเที่ยว เตรียมผลักดันงบประมาณปรับสภาพภูมิทัศน์

วันนี้ (4 มี.ค.) นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา พร้อมคณะผู้บริหารและสมาชิกสภาเมืองพัทยา เดินทางเข้าพบ พล.ร.ต.โสภณ บุญชม ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานสนาม บินนานาชาติอู่ตะเภา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมหารือแนวทางการพัฒนาสนามบินร่วมกัน หลังจากหลายฝ่ายเล็งเห็นว่าจำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างจริงจัง หลังเหตุการณ์ความไม่สงบใน ช่วงปลายปีที่ผ่านมา จนภาครัฐต้องหันมาใช้อู่ตะเภาแทนสนามบินหลักอย่างสุวรรณภูมิ และดอนเมือง โดยพบว่าประสพปัญหาในเรื่องของการให้บริการ สถานที่ และบุคลากรเป็นอย่างมาก

สำหรับการประชุมครั้งนี้ เป็นการนำเสนอแผนการพัฒนาในภาพรวมของสนามบินอู่ตะเภาของการท่าอากาศยานซึ่งมีด้วยกัน 5 หัวข้อหลัก คือ 1.การปรับสภาพภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบของสนามบิน 2.การปรับปรุงพื้นผิวการจราจรและการขยายเส้นทางจากเดิม 2 เลน ให้เป็น 4 เลน เพื่อความสะดวกในการใช้เส้นทาง

3.การจัดทำป้ายโฆษณาสินค้าบริเวณด้านหน้า และทางเข้าสนามบิน เพื่อหารายได้สนับสนุนกิจกรรม โดยมอบหมายให้ทางเมืองพัทยาจัดตั้งบริษัทลูกเป็นนิติบุคคล เพื่อเข้ามาดำเนินการบริหารจัดการ 4.การจัดทำโฆษณาประชาสัมพันธ์บนรถเข็นสัมภาระ

5.การจัดทำโฆษณาประชาสัมพันธ์การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาผ่านสื่อต่างๆ เพื่อให้เกิดแรงกระตุ้นในการใช้พื้นที่ ทั้งในส่วนของสายการบิน และนักท่องเที่ยว โดยกรณีดังกล่าวได้ขอให้เมืองพัทยาเป็นผู้พิจารณา และผลักดันงบประมาณในการดำเนินการต่อไปในอนาคต

พล.ร.ต.โสภณ เปิดเผยว่า นอกจากโครงการเหล่านี้ทางอู่ตะเภายังได้มีแผนในการปรับ เปลี่ยนบอร์ดบริหารเพิ่มเติม โดยนำเอานายกเมืองพัทยา และคณะสมาชิกสภาเมืองพัทยาเข้ามาร่วมบริหาร เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอการปรับเปลี่ยนชื่อสนามบินจากอู่ตะเภา เป็นอู่ตะเภา-พัทยา ด้วย

ที่สำคัญทางกองทัพเรือได้เสนอโครงการไปยังส่วนกลาง เพื่อขอจัดสรรงบประมาณจำนวน 995 ล้านบาท เพื่อนำมาดำเนินการก่อสร้างอาคารรองรับผู้โดยสารใหม่ ซึ่งสามารถเพิ่มสัดส่วนได้ 100% จากเดิม รวมทั้งการก่อสร้างลานจอด ซื้อเครื่อง X-Ray โรงน้ำมันเชื้อเพลิง รถดับเพลิง และอื่นๆ เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์สูงสุดในปี 53-55 นี้ด้วย ซึ่งคาดว่าหากได้รับการอนุมัติก็คงดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมซึ่งจะเกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น