xs
xsm
sm
md
lg

“แม่ทัพภาค 2” ลงพื้นที่ชัยภูมิ ย้ำทุกฝ่ายเฝ้าระวังผู้ทำผิด“หมิ่นสถาบัน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล มทภ.2 ลงพื้นที่ ติดตามรับทราบสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงและทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ วันนี้ ( 27 ก.พ.)
ชัยภูมิ – “แม่ทัพภาค 2” ในฐานะ ผอ.กอรมน.ภาค 2 ลงพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ติดตามสถานการณ์ปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงและทรัพยากรธรรมชาติ เน้นย้ำทุกฝ่ายร่วมกันทำกิจกกรมสร้างความสามัคคี ลดความแตกแยกของประชาชนในพื้นที่และเทิดทูนสถาบัน พร้อมกำชับให้เฝ้าระวังและติดตามผู้กระทำผิดหมิ่นสถาบัน ทั้งทางวิทยุชุมชน ใบปลิว เขียนข้อความต่างๆ และ การทำลายพระบรมสาทิสลักษณ์ ไม่ให้เกิดขึ้นในพื้นที่

วันนี้ (27 ก.พ.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 2 (ผอ.กอรมน.ภาค 2 ) พร้อมคณะได้เดินทางมารับทราบสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงและทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ 3 โดยมี นายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดชัยภูมิ และส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม

ทั้งนี้ปัญหาที่พบในช่วงหน้าแล้งนี้ มักเป็นการลักลอบเผ่าป่า ซึ่งตั้งตั้งแต่ต้นปี จนถึงขณะนี้ ในพื้นที่จ.ชัยภูมิ ได้เกิดไฟป่าแล้วกว่า 340 ครั้ง มีพื้นที่ป่าไม้ได้รับความเสียหายกว่า 1หมื่นไร่ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือสถานการณ์ภัยแล้ง ซึ่งในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิเริ่มขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ และได้ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติแล้งแล้ว 5 อำเภอ คือ อำเภอภูเขียว จัตุรัส เกษตรสมบูรณ์ อำเภอเมืองชัยภูมิ และอำเภอบ้านเขว้า รวมทั้งหมด 31 ตำบล 325 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 36,254 ครัวเรือน รวมแล้วกว่า 135,000 คน และคาดว่าหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นภายในสัปดาห์หน้า จ.ชัยภูมิจะประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติภัยแล้งครอบคลุมทั้ง 16 อำเภอ

นายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า ความร้อน และความแห้งแล้งมาเร็ว การเผาป่ามีมากขึ้น ถ้าเปรียบเทียบสถิติในช่วงเวลาเดียวกัน ปีนี้ลดน้อยลง ปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นประมาณ 165 ครั้ง ส่วนปีนี้เกิดขึ้น 153 ครั้ง แต่พื้นที่ที่ได้รับความเสียหายนั้นมากกว่าปีที่แล้ว จังหวัดฯได้รณรงค์ ระดมสรรพกำลังเพื่อจะดำเนินการป้องกันแก้ไขในเรื่องไฟป่าที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันนี้ทางแม่ทัพภาคที่ 2 ได้มาร่วมประชุมเพื่อหาวิธีการแก้ไขปัญหาร่วมกัน

ในส่วนของประชาชนที่ประสบภัยแล้งทางจังหวัด ได้ขอความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนราชการ ให้เข้าไปดูแลในเรื่องน้ำอุปโภค บริโภค ใช้ในเบื้องต้น ในส่วนน้ำทำการเกษตรก็ได้ระดมเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือและ ในบางพื้นที่ได้มีการเปิดร่องทางน้ำเพื่อเข้าสู่ไร่นาของประชาชน ซึ่งต้องมีการบริหารจัดการน้ำเพื่อให้เกิดการใช้น้ำอย่างประหยัด และเกิดคุณค่าที่สุด

นอกจากนี้ได้เน้นย้ำให้ดูแลความปลอดภัยในทรัพย์สิน เพราะในหน้าร้อนประชาชนมักนอนดึก เป็นช่องทางให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสเข้าไปลักขโมยทรัพย์สินได้ รวมทั้งระวังเรื่องของอัคคีภัย ซึ่งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายปกครองจัดเวรยามในทุกหมู่บ้านเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ด้วย

พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) เปิดเผยว่า ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ได้มาติตามรับทราบปัญหาภัยแล้งของพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้เตรียมช่วยเหลือเป็นอย่างดี ซึ่งทางศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 2 จะเข้ามาเสริม เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

ส่วนการติดตามเรื่องปัญหาไฟป่า จ.ชัยภูมิมีพื้นที่ป่าและอุทยานแห่งชาติมาก เป็นหัวใจ เป็นต้นน้ำสายโลหิตของภาคอีสาน ถ้าตรงนี้ถูกทำลาย ทรัพยากรของประเทศไทยคงจะหมดแน่ ฉะนั้นการรักษาป่าไม่ให้อยู่คู่ผืนแผ่นดินนั้น จะเป็นการแก้ปัญหาทั้งภัยแล้ง และปัญหาโลกร้อนได้ แต่เกิดไฟป่าค่อนข้างถี่

“ดังนั้นจึงได้มาร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อมาร่วมแก้ไขปัญหาไฟป่า ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้ฝึกอาสาสมัครพิทักษ์ป่า เกือบครอบคลุมทั้งภาคอีสาน แต่การใช้ประโยชน์จากมวลชนนี้ยังไม่ประสบผล จึงต้องการที่จะฝึกทบทวน เพื่อสร้างประโยชน์ในพื้นที่ สร้างจิตสำนึก อุดมการณ์เดียวกัน ร่วมกันทั้งจังหวัด” พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าว

พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศที่ผ่านมา เกิดการแบ่งแยกทางความคิด เป็นพรรค เป็นฝ่าย เป็นสีต่างๆ ซึ่งเราจะต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้ด้วยการทำกิจกรรมสร้างความรัก ความสามัคคีกับคนในชาติในพื้นที่ โดยแต่ละพื้นที่มีสถานการณ์ มีข้อมูล มีปัญหาที่เกิดขึ้นแตกต่างกัน ซึ่งหน่วยงานทหารพร้อมที่จะลงพื้นที่ร่วมทำกิจกรรมด้วย

ที่สำคัญจากสถานการณ์ความขัดแย้งที่ผ่านมา ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ได้รับผลกระทบในหลายกรณี หลายกิจกรรมด้วยกัน ส่วนหนึ่งคือ สถานีวิทยุชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งมีบางสถานีออกอากาศหรือมีแนวโน้มที่จะหมิ่นสถาบันหรือเกิดภาพไม่ดี ก็ขอให้ช่วยกันเฝ้าระวัง ร่วมกันติดตามผู้กระทำผิด รวมถึงเรื่องใบปลิว การเขียนข้อความต่างๆ และการทำลายพระบรมสาทิสลักษณ์ ซึ่งเราทุกคนต้องเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในพื้นที่

“รวมทั้งร่วมกันทำกิจกรรมเทิดทูนสถานบันพระมหากษัตริย์ และร่วมกันหาแนวทางหรือวิธีการที่จะทำให้ภาพของบ้านเมืองของเรากลับสู่สภาพปกติ ทำให้ปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ในพื้นที่ค่อยๆ หมดไป” พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวในตอนท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น