บุรีรัมย์ - ผู้ปกครองนักเรียนที่เสียชีวิต 9 ราย และบาดเจ็บจากเหตุรถไฟชนรถรับส่งนักเรียน ร่วมกันฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการรถไฟฯ กว่า 54 ล้าน ฐานประมาทเลินเล่อหวังให้เป็นอุทาหรณ์ไม่ให้เกิดโศกนาฎกรรมซ้ำแล้วซ้ำอีก
วันนี้ (27 ก.พ.) พ่อแม่ ผู้ปกครอง เด็กนักเรียนที่เสียชีวิต 9 ราย และบาดเจ็บสาหัส 1 ราย จากเหตุรถไฟดีเซลรางด่วนพิเศษ กรุงเทพฯ-ศรีสะเกษ ขบวนที่ 71 พุ่งชนรถรับ-ส่งนักเรียนที่บริเวณแยก บ.หนองแสง ต.ลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อม นายวุฒิกาญน์ กุลสุวรรณ ทนายความ ได้ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเรียกร้องให้ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ชดใช้ค่าเสียหายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เป็นเงิน 54,551,307 บาท ฐานประมาทเลินเล่อ ที่ไม่ได้ติดตั้งเครื่องป้องกันบนถนนทางข้ามรถไฟ จนเป็นเหตุให้เกิดโศกนาฎกรรมดังกล่าวขึ้น
เบื้องต้นศาลได้ประทับรับฟ้อง และนัดพิจารณาไต่สวนคดี ในวันที่ 10 มี.ค.2552 ที่จะถึงนี้
นายพิทัศน์ การะเกตุ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 181 ม.5 ต.ผไทยรินทร์ อ.ลำปลายมาศ พ่อของ ด.ญ.กัญญาพัชร การะเกตุ อายุ 12 ปี นักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (ป.6) โรงเรียนบำรุงวิทยา ที่เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าว กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุโศกนาฎกรรมดังกล่าวขึ้น ทำให้ตนและภรรยาต้องสูญเสียบุตรสาวคนเดียวของครอบครัวไป จนถึงขณะนี้ยังทำใจไม่ได้
ส่วนการยื่นฟ้องต่อศาลในครั้งนี้ นอกจากจะเรียกร้องค่าเสียหายแล้วยังอยากให้เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุทาหรณ์ เพื่อให้ทางการรถไฟฯได้ตระหนักถึงความปลอดภัยของผู้สัญจรบนถนนที่เป็นจุดตัดผ่านทางรถไฟ โดยให้ทำการติดตั้งเครื่องป้องกันหรือแผงกั้น ให้ครบทุกจุดทั่วประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำอีก
นายพิทัศน์กล่าวต่อว่า เหตุการณ์รถไฟชนรถยนต์ที่สัญจรข้ามไปมาบริเวณที่มีถนนตัดผ่านทางรถไฟ นอกจากจะเกิดขึ้นที่จังหวัดบุรีรัมย์แล้ว ยังมีเหตุลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นซ้ำอีกในหลายพื้นที่จังหวัด ในห้วง 2 เดือนที่ผ่านมา และมีผู้เสียชีวิตจำนวนหลายราย
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบสถิติข้อมูลยังพบว่ ได้เกิดเหตุรถไฟชนรถยนต์ในลักษณะเดียวกันนี้มีผู้เสียชีวิตปีละหลายร้อยราย ซึ่งการรถไฟฯ รับทราบปัญหาดีแต่ไม่มีการดำเนินการแก้ไขปรับปรุง จึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ตระหนักและแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น การรถไฟฯ ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวเด็กนักเรียนที่เสียชีวิตรายละ 40,000 บาท และ นักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บรายละ 2,000 บาท
ด้าน นายวุฒิกาญน์ กุลสุวรรณ ทนายความ กล่าวว่า หลังจากพ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียน ได้มาขอความช่วยเหลือ ทั้งหมดมีฐานะยากจนเนื่องจากประกอบอาชีพทำนา และรับจ้างทั่วไป ไม่มีเงินเสียค่าธรรมเนียมศาล จึงได้ยื่นฟ้องโดยขอยกเว้นการเสียค่าธรรมเนียมศาล เพราะคดีดังกล่าวได้เรียกค่าเสียหายไปกว่า 54 ล้านบาท พร้อมร้องขอให้ศาลขอไต่สวนคดีแบบอนาถาเดิม ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า ขอยกเว้นค่าธรรมเนียม โดยศาลก็ได้รับไว้และนัดไต่สวนวันที่ 10 มี.ค. นี้ ส่วนทางคดีต้องรอฟังคำสั่งศาล และรอการไต่สวนว่าศาลจะรับฟ้องไว้แบบคดียกเว้นเสียค่าธรรมเนียมหรือไม่
นายวุฒิกาญน์ กล่าวอีกว่า คดีดังกล่าวตนเห็นว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยรถไฟ เพราะตามหลักทางการรถไฟฯ มีหน้าที่ต้องจัดการดูแลระบบความปลอดภัย ตามถนนจุดตัดทางข้ามรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากความเพิกเฉยของการรถไฟฯ เพราะในแต่ละปีการรถไฟฯ มีข้อมูลอยู่แล้ว ว่า มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ จากรถไฟชนปีละเป็นจำนวนมาก แต่กลับถูกการรถไฟฯ ฟ้องร้อง ซึ่งไม่เป็นธรรมกับประชาชนผู้เสียหาย
“เชื่อว่าคดีนี้จะเป็นอุทาหรณ์ และจะเป็นตัวอย่างให้กับทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่จะต้องปรับปรุงแก้ไข โดยการติดตั้งเครื่องป้องกัน หรือแผงกั้น ตามถนนที่มีทางรถตัดผ่านทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์สลดเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก” นายวุฒิกาญน์ กล่าว
