ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ระทึก! เกิดเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ชุมชนหลังวัดสุทธจินดาวรวิหาร กลางเมืองโคราชวอด 2 หลัง ร่วม 10 คูหา เผย เป็นตึกร้านค้าและที่อยู่อาศัยให้เช่าขนาด 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ ประกอบกับอากาศร้อนจัด ทำให้ไฟโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง ปชช.หนีตายอลหม่าน เบื้องต้นคาดไฟฟ้าลัดวงจร มูลค่าความเสียหายหลายล้าน โชคดีไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต
วันนี้ (23 ก.พ.) เมื่อเวลา 18.00 น.เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ ภายในคุ้มที่ 9 ชุมชนหลังวัดสุทธจินดาวรวิหาร เขตเทศบาลนครนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ได้ระดมรถดับเพลิงหลายคันจากเทศบาลนครนครราชสีมา และ เทศบาลข้างเคียง เข้าทำการฉีดน้ำสกัดเพลิง แต่ทำได้ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากซอยคับแคบ รถดับเพลิงเข้าไปได้ยาก เจ้าหน้าที่ต้องลำเลียงสายยางเพื่อเข้าไปฉีดน้ำสกัดเพลิง
แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดลมแรง ประกอบกับอาคารชั้นบนเป็นไม้เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้ไฟโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง มีกลุ่มควันขนาดใหญ่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ สร้างความตื่นตกใจกับประชาชนที่อยู่บริเวณดังกล่าววิ่งหนีตายกันอลหม่าน โดยไฟได้ไหม้อาคารพาณิชย์ครึ่งปูนครึ่งไม้ซึ่งเป็นร้านค้าและที่อยู่อาศัยหลังแรกขนาด 3 คูหาหมดทั้งหลัง
ก่อนลุกลามไปไหม้อาคารพาณิชย์ครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้น ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยเช่นกันขนาดไม่ต่ำกว่า 5 คูหา อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ต้องระดมฉีดน้ำสกัด เพื่อไม่ให้ลุกลามต่อไปยังอาคารที่อยู่ข้างเคียงทั้งด้านข้างและด้านหลัง โดยใช้เวลานานกว่า 40 นาที จึงสามารถสกัดเพลิงไว้ได้และทำให้อาคารพาณิชย์ทั้ง 2 หลังถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายทั้งหมด
ทั้งนี้ จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ ทราบว่า ไฟได้ลุกไหม้ขึ้นที่อาคารพาณิชย์ครึ่งปูนครึ่งไม้หลังแรกก่อน โดยเป็นอาคารแบ่งให้เช่ามี 3 คูหา เปิดเป็นร้านเสริมสวย ร้ายขายของชำ และ ร้านอาหาร ซึ่งถูกไฟไหม้ทั้งหมด แล้วค่อนลุกลามไปยังอาคารพาณิชย์หลังใหญ่ที่อยู่ติดกัน ซึ่งเปิดให้เช่าเป็นที่พักอาศัยเป็นอาคารลักษณะเดียวกัน
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า บ้านต้นเพลิงอยู่ที่อาคารพาณิชย์ด้านหน้าที่ถูกไหม้เสียหายทั้งหมด และค่อยลุกลามไปยังอาคารข้างเคียง ส่วนต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ห้องใดนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้เบื้องต้นคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งจะทำการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป ส่วนมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต