เชียงราย – การค้าไทย-จีนเติบโตไม่หยุด เชื่อมั่นวิกฤตเศรษฐกิจโลกไม่กระทบ หรือมีผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เผยธุรกรรมการขนส่งสินค้าผ่านแม่น้ำโขง ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปีกลายมียอดนำเข้า-ส่งออก มากกว่า 7 พันล้านบาทแล้ว ศุลกากรเชื่อมั่นแม้ถนน R3a เสร็จสมบูรณ์ก็ไม่มีผลกระทบต่อการขนส่งทางน้ำโขงที่ต้นทุนต่ำกว่ามาก
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ปัจจุบันการค้าชายแดนทางเรือในแม่น้ำโขงด้าน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ยังคงมีความคึกคักตั้งแต่ช่วงต้นปี 2552 แม้ว่าจะมีกระแสเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจว่าจะเกิดขึ้นอย่างหนักหน่วงในปีนี้ โดยเรือเดินสินค้าในแม่น้ำโขง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรือสัญชาติจีนยังคงขนสินค้าจากมณฑลยูนนาน จีนตอนใต้ ซึ่งเป็นมณฑลที่อยู่ใกล้กับประเทศไทยมากที่สุด คือ อยู่ห่างจาก อ.เชียงแสน ประมาณ 300 กิโลเมตร เข้าเทียบท่าเรือเชียงแสนรวมทั้งมีการขนสินค้าจากประเทศไทยกลับไปส่งที่จีนตอนใต้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะใช้เวลาเดินเรือขนล่องจากจีนตอนใต้-ท่าเรือเชียงแสน 1 วันและขาขึ้นจากท่าเรือเชียงแสน-จีนตอนใต้ ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน
นายชัยวิทย์ วรคุณพินิจ ผู้ช่วยนายด่านศุลกากรเชียงแสน กล่าวว่า การค้าชายแดนทางเรือในแม่น้ำโขงที่ อ.เชียงแสน เพิ่มขึ้นทุกปี โดยปี 2550 มีการนำเข้าสินค้า 1,007.49 ล้านบาท และส่งออก 5,658.12 ล้านบาท แต่ในปี 2551 ที่ผ่านมาการนำเข้าเพิ่มขึ้นเป็น 1,232.53 ล้านบาท และส่งออกเพิ่มเป็น 6,431.22 ล้านบาท สินค้าที่ส่งออกของไทยส่วนใหญ่เป็นยางแผ่นรมควัน น้ำมันปาล์ม เครื่องดื่มชูกำลัง ลำไยอบแห้ง ฯลฯ ส่วนสินค้านำเข้าส่วนใหญ่เป็นผักสด ทับทิมสด แอปเปิ้ลสด กระเทียม ฯลฯ และเฉพาะเดือน ธ.ค.2551 ที่ผ่านมามีการส่งออกไปแล้วกว่า 577.06 ล้านบาท และนำเข้า 8,225.183 ล้านบาท
นายชัยวิทย์ กล่าวอีกว่า มูลค่าการค้าจำนวนมากดังกล่าวเกิดจากการพัฒนาด้านการคมนาคมทางน้ำอย่างต่อเนื่อง ทำให้จีนตอนใต้ซึ่งมีประชากรมหาศาลกลายเป็นตลาดสำคัญของสินค้าไทย ขณะเดียวกันจีนตอนใต้ไม่มีเส้นทางออกทะเลจึงระบายสินค้าผ่านประเทศไทยโดยมีเชียงแสน เป็นหน้าด่านสำคัญ เพราะแม้จะมีการพัฒนาเส้นทางทางบกผ่าน สปป.ลาว แต่จนถึงปัจจุบันเส้นทางที่สะดวกที่สุด ใช้ต้นทุนต่ำและขนสินค้าได้ครั้งละมากๆ ยังเป็นการขนส่งทางเรือ
ดังนั้น ด่านศุลกากรเชียงแสนจึงเชื่อว่า จากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในปี 2552 นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนไทย-จีนตอนใต้ มากนักเนื่องจากประเทศจีนไม่ใช่ประเทศที่เป็นต้นตอของวิกฤตเศรษฐกิจโลกและยังคงมีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง จึงคาดว่ามูลค่าการค้าอาจจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหรือหากจะลดลงก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้เชียงแสนยังคงเป็นช่องทางในการส่งออกสินค้าที่สำคัญของประเทศไทยโดยเฉพาะสินค้าของเกษตรกรได้เป็นอย่างดีในปี 2552 นี้
“กรณีที่มีการสร้างถนนอาร์ 3 เอเชื่อมไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ นั้นยังจะทำให้มูลค่าการค้าไทย-จีน เพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคต เพราะผู้ค้ามีทางเลือกโดยหากต้องการขนส่งสินค้าในราคาถูกและขนได้ครั้งละมากๆ ก็ต้องทางเรือในแม่น้ำโขงผ่านท่าเรือเชียงแสน แต่หากเป็นฤดูแล้งซึ่งมักจะมีปัญหาเรื่องเรือขนส่งสินค้าเกยตื้นหรือติดหาดทรายจนไม่สามารถขนส่งสินค้าได้ตามปกติ หรือต้องการความรวดเร็วก็สามารถใช้การขนส่งทางบกผ่านถนนอาร์ 3 เอได้เช่นกัน” นายชัยวิทย์ กล่าว