xs
xsm
sm
md
lg

เปิดชีวิตครอบครัว “ชาติมนตรี” วีรชนกู้ชาติ ‘ภรรยา’ลั่นสานต่อเจตนารมณ์‘พธม.’ถึงที่สุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือ สารวัตรจ๊าบ
รายงาน
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา

การสละชีพ ของ “พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี” หรือ สารวัตรจ๊าบ “วีระบุรุษกู้ชาติ” ประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินบุรีรัมย์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจ.บุรีรัมย์ และหัวหน้าการ์ดพันธมิตรฯ ภาคอีสาน น้องเขย นายการุณ ใสงาม อดีต ส.ว. บุรีรัมย์ ฝีปากกล้า จากเหตุระเบิดรถยนต์จิ๊ปเชโรกี บริเวณหน้าพรรคชาติไทย ถนนพิชัย กรุงเทพฯ ในเหตุการณ์รัฐบาลทรราชระดมตำรวจยิงระเบิดแก๊สน้ำตาและอาวุธสงครามถล่มเข่นฆ่าประชาชนเพื่อสลายการผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)หน้าอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 หรือ “ 7 ตุลาฯทมิฬ” ได้สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้แก่ครอบครัว ญาติมิตร และพี่น้องประชาชนพันธมิตรฯ ผู้ร่วมอุดมการณ์ อย่างหาที่สุดมิได้

สุดช้ำสาว 3 ขวบโทรฯพ่อหาทุกวัน

จวบจนวันนี้ ครอบครัว “ชาติมนตรี” ยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียเสาหลักไป มิหนำซ้ำเจ้าหน้าที่บ้านเมืองยุค “รัฐตำรวจทรราช” ยังโยนบาปให้กับผู้ตายด้วยการยัดเยียดข้อหา “พกพาวัตถุระเบิด” ให้เป็นเรื่องที่น่าเศร้า และแสนเจ็บปวด

น.ส.เพ็ญพิมล ใสงาม ภรรยา พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี วีรชนคนกล้า บอกเล่ากับ “ASTVผู้จัดการ” ว่า หลังจากต้องสูญเสียสามีไปเป็นเวลากว่า 3 เดือนแล้ว จนถึงทุกวันนี้ก็ยังทำใจไม่ได้ แต่ต้องดำเนินชีวิตต่อไปเพื่อเลี้ยงดูลูกน้อย 3 คน แม้จะมีภาระหนักขึ้นกว่าเดิมเพราะต้องทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ และถึงแม้ต้องอดทนกับความเสียใจเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิต แต่เมื่อเห็นหน้าลูกๆ ต้องทำเป็นเข้มแข็ง เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันเลวร้ายนี้ไปให้ได้

“สิ่งที่น่าเศร้าใจมากก็คือ จนถึงวันนี้ลูกสาวคนเล็กวัย 3 ขวบ ยังไม่ทราบกระทั่งว่าพ่อเขาได้เสียชีวิตแล้ว ทุกวันต้องยกหูโทรศัพท์โทรฯ หาพ่อจนเหนื่อย แล้วก็จะวางหูไปเอง” น.ส.เพ็ญพิมล กล่าวด้วยน้ำตา

ทำบุญใหญ่ 100 วัน วีรชนกู้ชาติ 31 ม.ค.

น.ส.เพ็ญพิมล กล่าวต่อว่า ทางครอบครัวญาติพี่น้องและกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรฯ จ.บุรีรัมย์ ได้กำหนดร่วมกันทำบุญ 100 วัน อุทิศส่วนกุศลให้กับ “พ.ต.ท.เมธี วีรชนกู้ชาติ”อย่างสมเกียรติ ในวันที่ 31 ม.ค.2552 โดยจะมีการแห่กระดูกจากบ้านพัก เลขที่ 1/4 – 6 ชุมชนเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ. บุรีรัมย์ ไปยัง “บ้านสวนเมธี” บ.กระสัง ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ บนเนื้อที่ 12 ไร่ เพื่อประกอบพิธีสวดอภิธรรมและทำบุญอุทิศส่วนกุศล

พร้อมได้ทั้งเชิญ 5 แกนนำพันธมิตรฯ คือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ,พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ,นายสมศักดิ์ โกสัยสุข ,นายพิภพ ธงชัย และ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ รวมทั้งประชาชนเครือข่ายพันธมิตรฯ ผู้ร่วมอุดมการณ์กอบกู้บ้านเมือง ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ จากทั่วทุกภาคทั่วประเทศมาร่วมงานด้วย
ภายในบ้านครอบครัว “ชาติมนตรี” อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
ในงานทำบุญ 100 วันดังกล่าว จะจำลองสถานที่ “บ้านสวนเมธี” ให้เป็นเวทีการชุมนุมใหญ่พันธมิตรฯ มีบรรยากาศคล้ายกับการชุมนุมในทำเนียบรัฐบาล เมื่อครั้งที่สามีไปร่วมชุมนุมกู้ชาติที่กรุงเทพฯ รวมทั้งมีการเปิดเวทีปราศรัยของกลุ่มการเมืองภาคประชาชน ซึ่งเครือข่ายพันธมิตรฯที่มาร่วมงานจะได้ร่วมกับรับฟังการปราศรัยจากบรรดาแกนนำพันธมิตรฯ และปักหลักพักค้างภายในงานด้วย

นอกจากนี้ภายในงานยังจะนำข้าวสารหอมมะลิ จาก อ.ประโคนชัย มาจำหน่ายให้กับผู้ที่มาร่วมงานและผู้มีจิตศรัทธา เพื่อนำรายได้มอบให้กับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี (ASTV) และพี่น้องเครือข่ายพันธมิตรฯ ที่ได้รับบาดเจ็บและพิการ ในเหตุการณ์ร่วมชุมนุมกู้ชาติ ขับไล่รัฐบาลทรราชอันธพาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณ ที่กรุงเทพฯ โดยเรียกโครงการนี้ว่า “เพื่อนช่วยเพื่อน” ที่มี นายพิภพ ธงชัย 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรฯ ดูแลอยู่

ตั้ง“กลุ่มการเมืองใหม่” ชิมลางเลือกตั้งท้องถิ่น

น.ส.เพ็ญพิมล กล่าวอีกว่า ทางกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรฯ บุรีรัมย์ ยังคงมุ่งมั่นสานต่อเจตนารมณ์ของ พ.ต.ท. เมธี ในฐานะ “วีระบุรุษกู้ชาติ” โดยการตั้งกลุ่มการเมืองใหม่ขึ้นมาและ จัดทีมที่เป็นเครือข่ายพันธมิตรฯ ลงสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ และสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) เมืองบุรีรัมย์ ภายใต้ชื่อ “กลุ่มการเมืองใหม่” แข่งขันกับกลุ่มการเมืองเดิม คือ “กลุ่มก้าวใหม่” ที่ผูกขาดครอบงำเทศบาลเมืองบุรีรัมย์มาหลายยุคสมัย

“เชื่อว่าประชาชนในเขตเทศบาลเมือง ที่มีอุดมการณ์เดียวกันจะให้การสนับสนุน ซึ่งกลุ่มการเมืองใหม่จะเน้นความสุจริต โปร่งใส และทุกคนตั้งใจไม่ให้เสียชื่อ พันธมิตรฯ ในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นบ้านเมือง และเอาเปรียบประชาชน อย่างเด็ดขาด เพื่อลบล้างภาพลักษณ์การเมืองแบบเดิม ๆ ให้หมดไป” น.ส.เพ็ญพิมล กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากพลาดหวังจากการเลือกตั้งนายกฯ และ สท. เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มกราคม 2552 ก็จะสานต่ออุดมการณ์ของสามี โดยเดินหน้าทำการเมืองภาคประชาชนให้มีความเข้มแข็ง สามารถตรวจสอบการทำงานของทั้งรัฐบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานราชการได้ เพราะที่ผ่านมาการตรวจสอบยังไม่เป็นผล ต้องให้ภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมือง แต่ภาคประชาชนเองต้องมีความเข้มแข็งเหมือนพันธมิตรฯ ที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อชาติในวันนี้

ตั้ง“เมธีเรดิโอ”ถ่ายทอด ASTVติดอาวุธปัญญาปชช.
น.ส.เพ็ญพิมล ใสงาม ภรรยา
น.ส.เพ็ญพิมล กล่าวต่อว่า ส่วนเงินที่ได้รับบริจาคจากพี่น้องพันธมิตรฯ ที่เคยได้พูดไว้ว่าจะนำมาจัดตั้งวิทยุชุมชนนั้น ขณะนี้ได้จัดตั้งและเปิดสถานีวิทยุเผยแพร่ออกอากาศแล้วในคลื่นเอฟเอ็ม 94.5 เมกะเฮิรตซ์ “เมธีเรดิโอ” มีเป้าหมายหลักเพื่อเผยแพร่ติดอาวุธทางปัญญา ให้ประชาชนชาวบุรีรัมย์ได้เรียนรู้ถึงปัญหาเหตุการณ์บ้านการเมือง ให้รู้เท่าทันนักการเมืองที่ฉ้อราชบังหลวง

ทั้งนี้ส่วนใหญ่สถานีวิทยุชุมชน “เอฟเอ็ม 94.5 เมธีเรดิโอ” จะทำการถ่ายทอดสัญญาณเสียง จากสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ให้ประชาชนได้รับฟังเพื่อติดตามข่าวสารบ้านเมืองเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้ได้รับความนิยมจากประชาชน และกลุ่มพันธมิตรฯ ในจ.บุรีรัมย์ มากพอสมควร โดยทีมงานการ์ดอาสาพันธมิตรฯ เฝ้าดูแลสถานีตลอดเวลา และทางสถานียังเปิดกว้างให้ประชาชนที่มีแนวคิดสร้างสรรค์ถูกต้อง รักความเป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็สามารถเข้ามาร่วมทำรายการได้อย่างเต็มที่

“สิ่งสำคัญที่สุดอีกประการหนึ่ง คือ จะสร้างกระท่อมไม้หลังเล็กๆ ใน บ้านสวนเมธีให้กับน้องจันทร์เจ้า ลูกสาวคนเล็กวัย 3 ขวบ ที่เคยเดินทางไปกับพ่อแล้วพบและร้องไห้อยากได้ และพ่อก็ได้ซื้อไม้มาเตรียมไว้เพื่อสร้างให้ลูก แต่มาเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเสียก่อน จึงอยากดำเนินการต่อให้เสร็จ เพื่อทดแทนสิ่งที่ขาดหายให้แก่ลูกสาวบ้าง” น.ส.เพ็ญพิมล กล่าว

ร้องตร.เร่งสางคดีเลิกยัดข้อหาคนตาย
ลั่นสืบทอดเจตนารมณ์ “สารวัตรจ๊าบ”


น.ส.เพ็ญพิมล ยังได้เรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้เร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายผู้ก่อเหตุที่แท้จริง ที่ทำให้สามีเสียชีวิตมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว ไม่อยากให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองโยนบาปให้กับผู้ตายที่ไม่สามารถโต้แย้งหรือเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมให้กับตัวเองได้ เพราะความไม่ชอบธรรมดังกล่าวในอนาคตต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ลูกได้รับรู้ ดังนั้น คดีน่าจะจบลงอย่างโปร่งใสกว่านี้

ที่ผ่านมาทุกเรื่อง หรืออุดมการณ์ต่างๆ ที่ตนกับสามีคิดไว้ด้วยกัน ก็ได้สานต่อจนเสร็จสิ้นหมดแล้ว และจะทำอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นเรื่องเดียวที่ทำไม่ได้คือเรื่องคดีที่ยังติดตัวผู้ตายอยู่ และยังฝังอยู่ในใจของคนในครอบครัวตลอด ถ้าใครไม่ประสบคงไม่รู้ว่าความเจ็บปวดเป็นอย่างไร เพราะที่ผ่านมาทั้งตนและสามีไม่ได้ทำเพื่อส่วนตัว หรือเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทำเพื่อชาติบ้านเมือง และที่สำคัญครอบครัวก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร มีแต่ความสูญเสีย
นางสำเนียง สุภัณพจน์ ประธานสมัชชาประชาชนภาคอีสานจ.บุรีรัมย์
อย่างไรก็ตาม มาวันนี้ รู้สึกภาคภูมิใจแทนสามีที่กลุ่มพันธมิตรฯ และประชาชนได้รับชัยชนะสามารถทำกอบกู้ชาติล้มล้างระบอบทักษิณลงได้ หากสามียังมีชีวิตอยู่หรือรับรู้คงภูมิใจว่าอุดมการณ์ที่ทำร่วมกันกับกลุ่มพันธมิตรฯ มา ได้ประสบผลสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว และมั่นใจว่าประชาชนพันธมิตรฯ จะดำเนินกิจกรรมให้เกิดความเป็นธรรมต่อชาติบ้านเมืองต่อไป ซึ่งตนและครอบครัว ก็จะยืนหยัดสืบทอดเจตนารมณ์ ของ พ.ต.ท.เมธี ตลอดไปเช่นกัน น.ส.เพ็ญพิมล กล่าวในตอนท้าย

แกนนำสมัชชาฯ เปิดความฝันวีรชนกล้า

ด้าน นางสำเนียง สุภัณพจน์ ประธานสมัชชาประชาชนภาคอีสานจังหวัดบุรีรัมย์ หนึ่งในองค์กรเครือข่ายพันธมิตรฯ บุรีรัมย์ และเป็นแกนนำที่ทำงานใกล้ชิดร่วมกับ “สารวัตรจ๊าบ” มาอย่างต่อเนื่อง กล่าวว่า พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือ “สารวัตรจ๊าบ” เดิมทีเป็นคนที่ไม่ชอบการชุมนุมประท้วง เนื่องจากยังรับราชการอยู่และถูกปลูกฝังมาตลอดว่า “ม็อบ” คือผู้ก่อความวุ่นวาย แต่เมื่อ “สารวัตรจ๊าบ” ได้ลงมาคลุกคลีกับชาวบ้านที่มาชุมนุมในเรื่องเดือดร้อนของประชาชนจริงๆ จึงเกิดความเข้าใจและมีแนวคิดมุ่งมั่นต้องการช่วยเหลือสังคม โดยเข้ามารวมกลุ่มกับเครือข่ายการเมืองภาคประชาชน ที่มีอยู่หลายองค์กรและกลุ่มพันธมิตรฯบุรีรัมย์ ร่วมกันต่อสู้เพื่อความถูกต้อง นำความเป็นธรรมมาสู่สังคม

“สารวัตรจ๊าบ” บอกเล่าความใฝ่ฝันกับคนรอบข้างเสมอ ว่า อยากจะมีสถานที่ฝึกสอนกฎหมายพื้นฐานให้แก่ประชาชนที่ด้อยโอกาสทางการศึกษาได้มีความรอบรู้เท่าทันกลุ่มบุคคลที่มาแสวงหาผลประโยชน์โดยเฉพาะนักการเมือง และอยากมีสถานที่จัดอบรมเกี่ยวกับกีฬาและฝึกอาชีพให้กับกลุ่มเยาวชนเพื่อไม่ให้เป็นภาระกับสังคม แต่แนวคิดที่ตั้งหวังไว้ยังไม่ได้ทำ ก็ต้องมาจบชีวิตลงเสียก่อน

“รู้สึกเสียดาย สารวัตรจ๊าบ ผู้มีแนวคิดที่ดีงามอย่างมาก แตกต่างจากผู้มีอำนาจวาสนา ทั้งหลายในประเทศนี้ ที่สามารถทำได้แต่กลับไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติ บ้านเมือง เลย ” นางสำเนียง กล่าว

จารึกประวัติวีรชนคนกล้าบุรีรัมย์

อนึ่ง พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือ “สารวัตรจ๊าบ” อายุ 39 ปี เสียชีวิตจากเหตุระเบิดรถยนต์จิ๊ปเชโรกี บริเวณหน้าพรรคชาติไทย ถ.พิชัย กรุงเทพฯ ในเหตุการณ์รัฐบาลทรราชระดมตำรวจยิงระเบิดแก๊สน้ำตาและอาวุธสงครามถล่มเข่นฆ่าสลายการผู้ชุมนุมของประชาชนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หน้าอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 มีภูมิลำเนาอยู่ที่ บ.โนนเจริญ ต.ตูมใหญ่ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ สมรสกับ น.ส.เพ็ญพิมล ใสงาม น้องสาว นายการุณ ใสงาม อดีต ส.ส.และ ส.ว. บุรีรัมย์ มีบุตร 3 คน เป็นชาย 1 คน อายุ 13 ปี และ หญิง 2 คน อายุ 8 ขวบ และ 3 ขวบ

พ.ต.ท.เมธี จบการศึกษาจากโรงเรียนนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน รุ่น 46 (นรต.46) ตำแหน่งสุดท้าย คือ สารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.เมืองบุรีรัมย์ และ เป็นตำรวจนายเวรให้กับ พล.ต.ต.ประพัฒน์ ศิริวัฒน์ อดีต ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ก่อนตัดสินใจลาออกจากข้าราชการตำรวจ เมื่อเดือนต.ค. 2548 เพื่อมาทำการเมืองภาคประชาชนตามอุดมการณ์ของตัวเอง และเข้าร่วมกู้ชาติกับเครือข่ายพันธมิตรฯ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในฐานะ “ประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินบุรีรัมย์” โดยมีบทบาทสำคัญในภารกิจหัวหน้าการ์ดอาสาพันธมิตรฯ ภาคอีสาน และ เป็นแกนนำหลักของเครือข่ายพันธมิตรฯ จ.บุรีรัมย์
กำลังโหลดความคิดเห็น