เชียงราย – สะพัดมือมืดขีดข่วนอนุสาวรีย์องค์สมเด็จพระนเรศวร บนพระธาตุดอยเวา อาจเป็นการทำคุณไสย หลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ปิดข่าวเงียบถึง 3 เดือน แถมเจอทั้งระเบิด-ดาบซามูไรบริเวณใกล้เคียงในช่วงก่อนหน้านี้ไม่นานนัก
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า จากกรณีคนร้ายบุกขึ้นไปขีดข่วนบนพระพักตร์ของอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งประดิษฐานอยู่บนดอยเวา หมู่ 1 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย และเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าเกิดจากกลุ่มวัยรุ่นที่มักขึ้นไปมั่วสุมในยามวิกาล และถูกไล่ลงมาเกิดความโกรธแค้นจึงก่อเหตุนั้น พบว่า ก่อนหน้านี้ตำรวจ สภ.แม่สาย เคยได้รับแจ้งว่ามีคนพบวัตถุระเบิดบนดอยเวามาแล้วเมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยเป็นระเบิดรูปทรงกระบอกที่ถูกนำไปวางไว้ใกล้กับพระธาตุดอยเวา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บกู้เอาออกไปได้โดยไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้น และช่วงคืนวันที่ 9 ธ.ค.ก่อนหน้านั้นเจ้าหน้าที่ก็ยังตรวจพบมีดดาบซามุไรวางเอาไว้บริเวณจุดที่พบลูกระเบิดด้วย
ทั้งนี้ สันนิษฐานว่าทั้งลูกระเบิดและดาบซามูไรเป็นของกลุ่มวัยรุ่นที่ขึ้นไปมั่วสุมในช่วงกลางคืน และถูกเจ้าหน้าที่ไล่ลงไปจึงไม่ทันได้หยิบฉวยอาวุธต่างๆ ดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกรณีคนร้ายกรีดบริเวณพระพักตร์อนุสาวรีย์ดังกล่าว เป็นที่น่าสังเกตว่า ทางพระสงฆ์ที่จำวัดบนพระธาตุดอยเวาทราบมาก่อนแล้วว่าได้เกิดเหตุการณ์นี้มานานถึง 3 เดือนแล้ว รวมทั้งมีรายงานด้วยว่าทางฝ่ายปกครองโดยทาง อ.แม่สาย ก็ได้รับทราบแล้วเช่นกัน โดยครั้งนั้นมีนายอาณัติ วิทยานุกุล เป็นนายอำเภอแม่สาย แต่ปัจจุบันย้ายไปเป็นนายอำเภอเมืองแพร่ แต่กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ ติดต่อกันมาหลายเดือน จนกระทั่งมีผู้ไปพบเห็นโดยบังเอิญเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.51 ที่ผ่านมา จึงไปแจ้งให้ทาง สภ.แม่สาย และนายอำเภอคนใหม่คือนายวิศิษฐ์ สิทธิสมบัติ ได้รับทราบทำให้มีการออกมาตรวจสอบพร้อมสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากกลุ่มวัยรุ่นเจ้าเก่าที่โกรธแค้นดังกล่าว
แหล่งข่าวชายแดนแจ้งว่า ซึ่งช่วงเวลาที่มีการพบเหตุรอยขีดข่วน บนพระพักต์อนุสาวรีย์ดังกล่าว เกิดขึ้ในช่วงเดียวกับที่มีข่าวว่านายลักษณ์ เรขานิเทศ หรือหมอลักษณ์ ฟันธง เข้ามาทำพิธีไสยศาสตร์ภายในศาลสมเด็จพระนเรศวร จ.พิษณุโลก จนถูกชาวพิษณุโลกออกมาต่อต้านอย่างหนัก นอกจากนี้ยังเคยเกิดเหตุที่ปราสาทเขาพนมรุ้ง จ.นครพนม มาแล้วในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ทำให้อาจเป็นไปได้ที่จะมีกลุ่มคนบางกลุ่มหวังทำคุณไสยในลักษณะเดียวกันและพยายามจะปกปิดเรื่องราวเอาไว้ไม่ให้คนภายนอกรู้ จนกระทั่งมีคนสังกตและไปแจ้งเจ้าหน้าที่ซ้ำอีกครั้ง
สำหรับดอยเวา มีตำนานว่าตั้งตามชื่อของขุนควักเวา หรือองค์เวา กษัตริย์องค์ที่ 10 ของราชวงศ์สิงหนวัติ แห่งนครนาคพันธุ์สิงหนวัติ (เชียงแสนโบราณ) ซึ่งได้ทรงสร้างพระเจดีย์บรรจุพระเกศธาตุไว้บนดอยเมื่อ พ.ศ.296 จากนั้นก็มีการบูรณะอีกหลายครั้งตามยุคสมัยจนถึงปี พ.ศ.2498 ได้มีนายบุญยืน ศรีสมุทร คฤบดีชาวแม่สายและพระภิกษุดวงแสง รัตนมณี เชื้อชาติไทลื้ออยู่เมืองลวง เขตสิบสองปันนา จีนตอนใต้ นำคณะข้าราชการ พ่อค้าและผู้มีใจศรัทธาบูรณะ
ส่วนอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และพระสุพรรณกัลยา นั้นมีประวัติว่าหลวงปู่โง่น โสรโย จากวัดพระพุทธบาทเขารวก อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ซึ่งได้มรณภาพไปแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2542 ได้เป็นผู้สร้างขึ้น เนื่องมาจากนิมิตรของหลวงปู่โง่น โสรโย ที่ได้เกิดแรงบันดาลใจ โดยได้อัญเชิญพระบรมรูปของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชไปประดิษฐานเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.พ.ศ.2541
ต่อมาได้อัญเชิญพระบรมรูปของมเด็จพระเอกาทศรถ และพระนางสพรรณกัลยามาประทับเรียงกันเมื่อวันที่ 13 ก.พ.พ.ศ. 2542 โดยผินพระพักตร์ไปยังประเทศพม่า ที่มีพระบรมรูปของพระเจ้าบุเรงนองหรือผู้ชนะสิบทิศอดีตกษัตริย์ของพม่าที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งได้สร้างขึ้นไม่ห่างจากชายแดนมากนักโดยให้หันหน้ามายังฝั่งไทย ทั้งนี้เพื่อให้ทั้งสี่พระองค์ได้ระลึกถึงสัมพันธไมตรีระหว่างไทยและพม่า และก่อให้เกิดความรุ่งเรืองด้วย