อุดรธานี -พนักงานอินเด็กซ์ แจ้งความตำรวจ ฝรั่งรัสเซียจ่ายค่าสินค้าเป็นแบงก์พันปลอม เจ้าตัวแจงพนักงานรับเงินแลกแบงก์ไทย จากธนาคารลาว ในเวียงจันทน์ ข้ามโขงมาซื้อเตาแก๊ส
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (24 ธ.ค.) เวลา 11.50 น.ร.ต.อ.ชลธิชา อักษร รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจากพนักงานของบริษัท อินเด็กซ์ ถ.เลี่ยงเมืองอุดร-หนองคาย ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี ว่า มีลูกค้าเป็นคนต่างชาติ นำธนบัตรปลอมมาใช้ซื้อสินค้าในบริษัท หลังจากได้รับแจ้งแล้ว จึงนำกำลังชุดสืบสวนพิรุณ สภ.เมืองอุดรฯ จำนวนหนึ่ง รับรุดไปทำการตรวจสอบ
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงที่บริษัทดังกล่าว พบว่า เป็นบริษัทที่จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายในบ้าน รวมทั้งพวกเครื่องใช้ภายในบ้าน โดยมี น.ส.ลินรัตน์ สายแสง อายุ 30 ปี พนักงานแคชเชียร์ ประจำเคาน์เตอร์ของบริษัท รอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่
น.ส.ลินรัตน์ ได้ให้การว่า ก่อนหน้านี้ ได้มี 2 สามีภรรยา เป็นชาวรัสเซีย ซึ่งได้ระบุชื่อของสามีไว้ในใบเสร็จรับเงิน ว่า ชื่อ มิสเตอร์ มาดิเมอร์ อายุประมาณ 50-55 ปี ทำงานอยู่ที่สถานทูตรัสเซีย ประจำประเทศ ส.ป.ป.ลาว ได้เข้ามาสั่งซื้อชุดเตาแก๊ส ยี่ห้อซีเมนต์ จำนวน 4 เครื่อง ในราคาเครื่องละ 29,900 บาท รวมทั้งหมดเป็นเงิน 119,600 บาท โดยใช้ธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท มาจ่าย
น.ส.ลินรัตน์ ให้การต่อไปว่า หลังจากที่ได้ทำการตรวจสอบธนบัตรดังกล่าว ก็พบว่า มีธนบัตรปลอม จำนวน 7 ฉบับ ทาง มิสเตอร์ มาดิเมอร์ จึงได้นำธนบัตรใบใหม่อีก 7 ฉบับ มาจ่ายแทน แล้วขอรับเอาธนบัตรปลอมทั้ง 7 ฉบับคืนไป โดยมิสเตอร์ มาดิเมอร์ เปิดเผยกับตนว่า ธนบัตรทั้งหมดที่นำมาจ่ายค่าเตาแก๊สในวันนี้ ทั้งฉบับจริงและฉบับปลอมอีก 7 ฉบับนั้น ได้แลกมาจากธนาคารในประเทศ ส.ป.ป.ลาว
โดยที่เป็นฉบับปลอมทั้ง 7 ฉบับนั้น เขาจะขอนำไปแลกคืนที่ธนาคารดังกล่าวใน ส.ป.ป.ลาว ส่วนชุดเตาแก๊สทั้ง 4 ชุดนั้น มิสเตอร์ มาดิเมอร์ ยังได้ระบุไว้ในใบเสร็จรับเงินว่าจะมารับเอาไปในวันที่ 13 มกราคม 2551
น.ส.ลินรัตน์ ให้การต่อว่า หลังจากนั้น มิสเตอร์ มาดิเมอร์ พร้อมด้วยภรรยา ก็พากันออกจากบริษัทพากันขึ้นรถยนต์ปิกอัพ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์เงิน ป้ายทะเบียนสีฟ้า หมายเลข สท 20-77 ไป โดยทางบริษัทก็ไม่กล้าควบคุมตัวเอาไว้ จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ
ส่วนการเปิดดูภาพจากกล้องวงจรปิดนั้น ทางบริษัทก็จะแจ้งไปยังบริษัทแม่ที่ กทม.เสียก่อนเพื่อขออนุญาตนำมาเปิดดูใบหน้าและรูปร่างลักษณะของ 2 สามีภรรยาชาวต่างชาติดังกล่าว
จากนั้น ร.ต.อ.ชลธิชา อักษร รอง สว.สส.จึงได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเป็นเบาะแสในการสืบสวน หาต้นตอ ที่ทำการผลิตธนบัตรปลอม ฉบับละ 1,000 บาท ซึ่งขณะนี้กำลังแพร่ระบาดในประเทศไทย มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (24 ธ.ค.) เวลา 11.50 น.ร.ต.อ.ชลธิชา อักษร รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจากพนักงานของบริษัท อินเด็กซ์ ถ.เลี่ยงเมืองอุดร-หนองคาย ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี ว่า มีลูกค้าเป็นคนต่างชาติ นำธนบัตรปลอมมาใช้ซื้อสินค้าในบริษัท หลังจากได้รับแจ้งแล้ว จึงนำกำลังชุดสืบสวนพิรุณ สภ.เมืองอุดรฯ จำนวนหนึ่ง รับรุดไปทำการตรวจสอบ
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงที่บริษัทดังกล่าว พบว่า เป็นบริษัทที่จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายในบ้าน รวมทั้งพวกเครื่องใช้ภายในบ้าน โดยมี น.ส.ลินรัตน์ สายแสง อายุ 30 ปี พนักงานแคชเชียร์ ประจำเคาน์เตอร์ของบริษัท รอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่
น.ส.ลินรัตน์ ได้ให้การว่า ก่อนหน้านี้ ได้มี 2 สามีภรรยา เป็นชาวรัสเซีย ซึ่งได้ระบุชื่อของสามีไว้ในใบเสร็จรับเงิน ว่า ชื่อ มิสเตอร์ มาดิเมอร์ อายุประมาณ 50-55 ปี ทำงานอยู่ที่สถานทูตรัสเซีย ประจำประเทศ ส.ป.ป.ลาว ได้เข้ามาสั่งซื้อชุดเตาแก๊ส ยี่ห้อซีเมนต์ จำนวน 4 เครื่อง ในราคาเครื่องละ 29,900 บาท รวมทั้งหมดเป็นเงิน 119,600 บาท โดยใช้ธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท มาจ่าย
น.ส.ลินรัตน์ ให้การต่อไปว่า หลังจากที่ได้ทำการตรวจสอบธนบัตรดังกล่าว ก็พบว่า มีธนบัตรปลอม จำนวน 7 ฉบับ ทาง มิสเตอร์ มาดิเมอร์ จึงได้นำธนบัตรใบใหม่อีก 7 ฉบับ มาจ่ายแทน แล้วขอรับเอาธนบัตรปลอมทั้ง 7 ฉบับคืนไป โดยมิสเตอร์ มาดิเมอร์ เปิดเผยกับตนว่า ธนบัตรทั้งหมดที่นำมาจ่ายค่าเตาแก๊สในวันนี้ ทั้งฉบับจริงและฉบับปลอมอีก 7 ฉบับนั้น ได้แลกมาจากธนาคารในประเทศ ส.ป.ป.ลาว
โดยที่เป็นฉบับปลอมทั้ง 7 ฉบับนั้น เขาจะขอนำไปแลกคืนที่ธนาคารดังกล่าวใน ส.ป.ป.ลาว ส่วนชุดเตาแก๊สทั้ง 4 ชุดนั้น มิสเตอร์ มาดิเมอร์ ยังได้ระบุไว้ในใบเสร็จรับเงินว่าจะมารับเอาไปในวันที่ 13 มกราคม 2551
น.ส.ลินรัตน์ ให้การต่อว่า หลังจากนั้น มิสเตอร์ มาดิเมอร์ พร้อมด้วยภรรยา ก็พากันออกจากบริษัทพากันขึ้นรถยนต์ปิกอัพ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์เงิน ป้ายทะเบียนสีฟ้า หมายเลข สท 20-77 ไป โดยทางบริษัทก็ไม่กล้าควบคุมตัวเอาไว้ จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ
ส่วนการเปิดดูภาพจากกล้องวงจรปิดนั้น ทางบริษัทก็จะแจ้งไปยังบริษัทแม่ที่ กทม.เสียก่อนเพื่อขออนุญาตนำมาเปิดดูใบหน้าและรูปร่างลักษณะของ 2 สามีภรรยาชาวต่างชาติดังกล่าว
จากนั้น ร.ต.อ.ชลธิชา อักษร รอง สว.สส.จึงได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเป็นเบาะแสในการสืบสวน หาต้นตอ ที่ทำการผลิตธนบัตรปลอม ฉบับละ 1,000 บาท ซึ่งขณะนี้กำลังแพร่ระบาดในประเทศไทย มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
