xs
xsm
sm
md
lg

“หมอพันธมิตรฯ”ลำปางลั่นภารกิจยังไม่จบ ต้องทวงหาความยุติธรรมจากรัฐบาลให้พี่น้อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คุณหมอบุญจง ชูชัยแสงรัตน์  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเขลางค์นครราม จังหวัดลำปาง ในมาดคุณหมอของคนไข้
ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ -เปิดใจผู้อำนวยการรพ.เขลางค์นครราม 1 ในแกนนำพันธมิตรเมืองฯ รถม้าที่มีอุดมการณ์เพื่อสังคม ต้องการเห็นประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดินแทนนักการเมือง ประกาศหากร่วมเป็นพันธมิตรฯแล้วเกิดผลกระทบกับรพ.พร้อมเลือกเป็นพันธมิตรฯเพราะถือเป็นการทำเพื่อประเทศชาติ ทั้งยืนหยัดภารกิจยังไม่จบเหตุรัฐบาลใหม่ฉวยโอกาสจากความตาย การบาดเจ็บของพี่น้องขึ้นมาเสวยสุข และคงต้องจับตาดูว่ารัฐบาลชุดใหม่จะดำเนินการหาความยุติธรรมให้แก่พี่น้องพันธมิตรฯอย่างไร

ในการชุมนุมร่วมต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งแต่ปี 2548 ที่ไม่ต้องการระบอบทักษิณ และการขับไล่รัฐบาลสามานย์ นอมินีระบอบทักษิณ ที่ยาวนานกว่า 190 วัน ที่เสร็จสิ้นเมื่อไม่นานนี้ ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล สะพานมัฆวานฯ ดาวกระจายไปสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง

ความเลวร้ายของรัฐบาลนอมินีระบอบทักษิณ ที่มีการเปิดเผยออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2548 จนปัจจุบัน ทำให้ ผู้ชายคนนี้ ที่มีอาชีพเป็นถึง”หมอ”ยังรู้สึกทนไม่ได้ จนต้องลุกออกมาชุมนุม เหมือนผู้คนอีกหลายแสนคน เพื่อร่วมสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้การเมืองไทย .....

“คุณหมอบุญจง เชิญที่ห้องตรวจค่ะ” เสียงเรียกจากโอเปอเรเตอร์ภายในโรงพยาบาล เขลางค์นครราม ซึ่งผู้ที่ไปติดต่องานหรือเข้าใช้บริการมักจะได้ยินและคุ้นกับชื่อนี้เสมอๆ ซึ่งเมื่อสิ้นเสียงเรียกก็จะเห็นชายวัยกลางคนท่าทางทะมัดทะแมงผิวขาวหน้าตี๋ ไม่สูงมากนัก สวมแว่นตา ใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ เดินมาอย่างคล่องแคล่ว โดยระหว่างทางก็จะแวะทักทายคนโน้นทีคนนี้ที ไปเรื่อยจนถึงห้องตรวจ ซึ่งถือเป็นภาพที่ผู้ใช้บริการมักจะเห็นเสมอ ซึ่งเป็นภาพที่สบายตาและเป็นกันเองระหว่างหมอและคนไข้

“หมอจง” คำเรียกติดปากของบรรดาเพื่อนสนิทมิตรสหาย และคนที่คุ้นเคย ที่เรียกคุณหมอบุญจง ชูชัยแสงรัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเขลางค์นครราม จังหวัดลำปาง ซึ่งจบการศึกษาจากรั้วจุฬาฯ ใช้ชีวิตในงานราชการเกือบ 10 ปี แต่ก็ทนความอึดอัดในระบบราชการไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องลาออก มาทำโรงพยาบาลเอกชนร่วมกับเพื่อนๆ คือโรงพยาบาลเขลางค์นครราม ในปัจจุบัน

สนใจการเมืองตั้งแต่ก่อนเป็น ”หมอ”

คุณหมอบุญจง เล่าถึงชีวิตครอบครัวให้ฟังอย่างอารมณ์ดีถึงฐานะทางบ้าน ว่าถือเป็นครอบครัวที่มีฐานะดีพอสมควร คุณพ่อเป็นผู้นำเข้ารถสามล้อตุ๊ก ตุ๊ก สมัยนั้นเศรษฐกิจดี อยู่อย่างสุขสบาย แต่เมื่อตนเองอายุได้4 ขวบคุณพ่อเสียเนื่องจากแพ้ยา ทำให้ครอบครัวมีการเปลี่ยนแปลง ทุกคนในบ้านจากที่อยู่อย่างสุขสบายต้องทำงานหาเงิน พี่สาวต้องทำงานหนักส่งเสียน้องๆ ตนเองก็ต้องทำงานด้วยเรียนด้วย ตนจึงต้องต่อสู้และตั้งใจเรียนมาก

สิ่งเดียวที่คิดในขณะนั้นคือต้องตั้งใจเรียนและเลือกวิชาที่สังคมยอมรับซึ่งเป็นค่านิยมสมัยก่อน ที่พ่อแม่มักอยากให้ลูกเรียนหมอ เพราะเห็นว่าเป็นอาชีพที่สังคมยกย่องไม่อยากให้คุณแม่ถูกสังคมดูถูก ประกอบกับสาเหตุที่คุณพ่อเสียชีวิตเพราะแพ้ยา ตนจึงอยากรู้ จึงได้ตัดสินใจเรียนหมอ ทั้งๆที่ไม่ได้ชอบเลย

ในระหว่างเรียนหมอที่รั้วจุฬาฯ ได้มีโอกาสออกค่ายอาสาในช่วงปิดภาคเรียนได้เดินทางไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดโดยเฉพาะภาคอีสาน ได้เห็นชีวิตของประชาชนมากมายที่ยังต้องการความช่วยเหลือ เมื่อเห็นอะไรมากเข้า ก็อยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่ด้อยโอกาสเหล่านั้นมากขึ้น เพราะคิดว่าเราน่าจะทำอะไรได้อีกเยอะ

ทำให้ความคิดทางการเมืองเริ่มต้นตั้งแต่สมัยเรียน หากมีโอกาสร่วมกิจกรรมทางการเมืองก็จะเข้าร่วมกิจกรรมด้วย ไม่ว่าจะเป็นช่วง 6 ตุลาฯ พฤษภาทมิฬ และทุกครั้งเมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรง คุณแม่ก็มักจะออกตามหาเสมอ เพราะความเป็นห่วง แต่ท่านก็ไม่ได้ห้าม เพราะเชื่อว่าแม้จะห้ามเราก็คงไม่เชื่อ เมื่อเห็นเราปลอดภัยท่านก็กลับบ้าน ซึ่งในขณะนั้นมีเพื่อนร่วมรุ่นที่มีอุดมการณ์เดียวกันจำนวนมาก โดยเฉพาะนักศึกษาสวนกุหลาบรุ่น 87 ที่เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่ปัจจุบันกลับทำงานให้แก่ คุณทักษิณ

“ มีเยอะมากที่สังคมรู้จัก แม้จะเคยพูดคุยกันหลายครั้งแต่ก็ยังอยู่กับคุณทักษิณทำให้เชื่อว่า ณ วันนี้ คนเหล่านี้อุดมการณ์ที่จะทำเพื่อบ้านเมืองหายไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตามความเป็นเพื่อนก็ยังเป็นเพื่อน แต่บ้านเมืองต้องอยู่เหนือความเป็นเพื่อน” คุณหมอบุญจงย้ำ

ลาออกจากราชการสร้างรพ.ในอุดมการณ์

 ในบทบาทแกนนำพันธมิตรฯลำปาง เราจะพบเห็นคุณหมอบุญจงได้ ในรูปแบบนี้
คุณหมอบุญจง เล่าให้ฟังต่อไปอีกว่า พอเรียนจบเข้าทำงานในระบบราชการ และย้ายจากเมืองหลวงมาอยู่ที่ลำปาง ประมาณปี2526 ตื่นมาตอนเช้าก็เข้าทำงานตรวจคนไข้ ผ่าตัด เป็นกิจวัตรประจำวัน ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นเลย ใช้ชีวิตแบบนี้เกือบ 10 ปี สุดท้ายก็ต้องกลับมาถามตัวเองว่าสิ่งที่เราทำอยู่นี้ใช่ตัวเราหรือไม่ ใช่งานที่เราอยากทำสมัยเรียนไหม เรามีความสุขไหม คำตอบสุดท้ายคือไม่ใช่ เมื่อไม่ใช่ก็ต้องลาออก และออกมาทำงานในโรงพยาบาลเอกชนกับเพื่อนๆ

ก่อนที่จะทำงานร่วมกันก็ได้บอกกับเพื่อนๆผู้ถือหุ้นทุกคนว่า แนวทางการให้บริการของโรงพยาบาลของเราต้องไม่เน้นการทำธุรกิจอย่างเดียว แต่ต้องให้บริการแก่ประชาชนและสังคมด้วย ต้องมีคุณธรรม จริยธรรม อย่าเห็นความเจ็บป่วยของประชาชนเป็นธุรกิจ ซึ่งทุกคนก็ตกลงจึงได้ทำงานร่วมกันจนถึงปัจจุบัน ซึ่งทุกวันนี้ตนก็มีเวลามากขึ้นไม่เหมือนตอนที่รับราชการ ปัจจุบันเมื่อมีเวลาว่างก็จะเข้าร่วมกับองค์กรเครือข่าย ที่ทำงานด้านสังคมตลอด เพราะเป็นงานที่เราชอบและอยากทำ ได้มีโอกาสพบปะกับกลุ่มเครือข่ายที่ทำงานด้านสังคมอย่างหลากหลาย และจะเข้าไปช่วยตลอดในการเสริมความรู้ให้แก่ประชาชนที่อยู่ห่างไกลข้อมูล เพราะความคิดลึกๆยังคงมีอยู่ว่าเมื่อไหร่เมืองไทยจะเป็นของประชาชนอย่างสมบูรณ์ คือประชาชนรู้สิทธิของตน ใช้สิทธิของตน อย่างเต็มที่ ดังนั้นทุกครั้งที่มีโอกาส ก็จะไม่ปล่อยให้หลุดมือไป

เกาะติดการชุมนุมตั้งแต่ 48 -ร่วมเป็น 1 ในแกนนำพธม.ลำปาง

หมอบุญจง เล่าถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมกับพันธมิตรฯที่ลำปางว่า ไม่ได้เข้าร่วมกลุ่มตั้งแต่ต้น แต่เมื่อมีโอกาสและได้รับข้อมูลประกอบกับแนวคิดในการที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงการเมืองไปสู่การเมืองใหม่ ซึ่งตนก็มาร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯเป็นประจำตั้งแต่ปี 2548 แล้ว จึงตัดสินใจ เข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมกับผู้ที่มีอุดมการณ์เดียวกันที่ลำปาง

หลังจากนั้นจึงได้ร่วมกันทำงานการเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน โดยมี พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ เป็นประธานฯ ตนเป็นรองประธานฯ รวมแกนนำ เกือบ 10 คน เริ่มเปิดเวทีพันธมิตรฯขึ้นที่ลำปาง ควบคู่ไปกับเวทีใหญ่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากกลุ่มคนอย่างหลากหลาย เวทีพันธมิตรฯที่ลำปางตั้งได้นานถึง 41วัน ท่ามกลางกระแสกลุ่มเสื้อแดงที่ออกมาต่อต้านในหลายพื้นที่ แต่ก็ไม่เกิดความรุนแรงขึ้น เนื่องจากแนวทาง การตั้งเวทีพันธมิตรฯที่ลำปาง มีเจตนารมณ์และวิธีการนำเสนอบนเวทีทุกครั้งจะเน้นไปในเรื่องการให้ความรู้แก่ประชาชน เป็นเวทีที่สร้างสรรค์ ไม่กล่าวโจมตีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ทั้งนี้ การจัดเวทีที่ลำปาง จะสังเกตจากการเชิญวิทยากรร่วมในรายการแต่ละครั้ง ก็จะเชิญผู้ที่มีความรู้ในด้านต่างๆเกี่ยวกับการเมืองเก่า ที่เป็นสิ่งชั่วร้ายและเป็นผลกระทบต่อประเทศชาติและบ้านเมือง ที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เคยได้รับข้อมูลจากสื่อปกติทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นสื่อหนังสือพิมพ์ ทีวี วิทยุ มาก่อนทั้งสิ้น เพราะเราเชื่อว่าเราต้องการสร้างคนให้เกิดปัญญา มากกว่าสร้างความแตกแยก เมื่อประชาชนมีความรู้ก็จะแยกแยะได้ด้วยตนเอง ซึ่งแนวทางนี้ตนก็ยังคงยึดมั่นอยู่ว่าน่าจะเป็นแนวทางที่ดีของสังคมทั้งในวันนี้และวันหน้า

หลังจากที่เข้าร่วมกับพันธมิตรฯ แล้วมีผลต่อโรงพยาบาลหรือไม่ คุณหมอบอกว่า ตนเคยพูดคุยกับหุ้นส่วนของโรงพยาบาล เช่นกัน โดยตนได้บอกกับทุกคนว่าการที่ตนเข้าร่วมกับพันธมิตรฯ ไม่ได้มีผลต่อโรงพยาบาลเลย แต่หากหุ้นส่วนคนใดเห็นว่าโรงพยาบาลได้รับผลกระทบ และต้องการให้ตนเลือก ตนก็พร้อมที่จะเลือกพันธมิตรฯ มากกว่าที่จะเลือกโรงพยาบาลที่จะต้องกลายเป็นธุรกิจ ซึ่งทุกคนก็เข้าใจและไม่ได้มีปัญหาอะไรกับจุดนี้

ภารกิจยังไม่จบต้องทวงหาความยุติธรรมให้พี่น้อง

“ หลังจากพันธมิตรฯหยุด หลายคนโทรมาหา และบอกว่าเราชนะแล้ว เราชนะแล้ว ผมจะบอกเสมอว่าเราไม่ได้ชนะ แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความเสี่ยงของการเมืองไทยต่างหาก ไม่ได้ชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดหรอก ดังนั้นใครที่ขอให้พวกเราจัดงานฉลอง จึงไม่เห็นด้วย เพราะภาระของเราทุกคนยังมีรออยู่ข้างหน้า รอดูการจัดตั้งรัฐบาล เพราะแม้แต่เวลานี้ ผมบอกได้เลยว่าผมรู้สึกผิดหวังกับพรรคการเมืองที่ฉวยโอกาสจากความตาย การบาดเจ็บของพี่น้องเราทุกคนที่ร่วมกันต่อสู้มา แต่ไม่ได้เห็นความสำคัญในเรื่องเหล่านี้เลย ไม่ได้เร่งหาความเป็นธรรมให้แก่บรรดาพี่น้องเรา ไม่เร่งหาตัวคนผิดมาลงโทษ แต่กลับหันหน้าเข้าหาพวกที่เคยทำร้ายเรา คิดแต่จะจัดตั้งรัฐบาลอย่างเดียว และยอมแม้กระทั่งจะเอาคนที่ไม่ดีมาร่วมทำงานด้วย

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วงานของพวกเรายิ่งหนักขึ้น เพราะเมื่อใดที่เห็นรัฐบาลใหม่เกิดขึ้นและไม่มีการดำเนินงานใดๆในเรื่องนี้ ผมว่าพวกเราก็คงยอมรับรัฐบาลแบบนี้ไม่ได้เพราะมันก็ไม่ต่างอะไรกับรัฐบาลที่พวกเราขับไล่ไปเช่นกัน”หมอพันธมิตรฯกล่าว

คุณหมอบอกว่า วันนี้ดีใจที่ประชาชนตื่นตัว อยากรู้อยากทราบเรื่องการบ้านการเมืองมากขึ้น มากกว่าพวกนักวิชาการ เอ็นจีโอที่รับเงินจากต่างชาติแล้วมาทำงานตามคำสั่ง แต่ไม่เคยสนใจที่จะฉวยโอกาสเหล่านี้เผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนเลย วันนี้ตนเห็นว่าทุกส่วนควรใช้โอกาสนี้ในการขยายความรู้สู่ประชาชนให้มาก มากกว่าการที่จะไปเหยียบย่ำซ้ำเติมกลุ่มใดๆ โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อสีแดง ซึ่งเราจะต้องไม่โทษพวกเขาเพราะส่วนใหญ่เขาไม่รู้จริงๆ แต่เราควรจะใช้โอกาสนี้ในการเพิ่มเติมความรู้และดึงเขาเข้ามาเป็นกลุ่มเดียวกับเรา ไม่สร้างความแตกแยกสังคมไทยต้องมีเพียงสังคมเดียวที่ประเทศชาติและประชาชนต้องมาก่อนตัวเอง

“ความใฝ่ฝันของผมคืออยากเห็นการเมืองเป็นของประชาชน ประชาชนเจ้าของประเทศจะต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดินไม่ใช่นักการเมือง อยากจะฝากถึงพี่น้องพันธมิตรฯทุกคน ว่าอย่าลืมอุดมการณ์ อย่าลืมความสูญเสีย ความเจ็บปวด ของพี่น้องเรา แต่อย่าเอาเป็นความแค้น อยากให้พวกเรา นำมาเป็นแรงใจเป็นกำลังใจที่จะเดินหน้าผลักดันการเมืองใหม่ที่เป็นของประชาชน ให้เกิดขึ้นมาให้ได้ อยากเห็นประชาชนรู้จักสิทธิของตน และสามารถใช้สิทธิของตน ได้ เมื่อนักการเมืองกลายเป็นนักโกงเมืองประชาชนก็ต้องกล้าที่จะออกมาตรวจสอบการทำงานได้อย่างไม่เกรงกลัวอิทธิพลใดๆได้ และเมื่อถึงวันนั้นประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน”
กำลังโหลดความคิดเห็น