ระยอง - เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดระดมสมองเตรียมหามาตรการรองรับสับปะรดล้นตลาด หลังปัญหาราคาตกต่ำจะหนักสุดในกลางปี 2552 วอนภาครัฐช่วยเหลือด่วน
นายประกอบ แก้วรุ่งเรือง นายกเทศมนตรีตำบลมะขามคู่ อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง กล่าวว่า ปัญหาราคาสับปะรดในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายนปี 2552 นี้ เป็นช่วงที่ผลผลิตสับปะรดจะมีมากถึง 60–70% จากจำนวนเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในพื้นที่ ต.มะขามคู่ อ.เมือง จ.ระยอง ที่มีมากถึง 80% เมื่อถึงช่วงนั้นราคาปุ๋ยยังไม่ลดลง ราคาผลผลิตสับปะรดจะต่ำกว่ากิโลกรัมละ 3 บาท
ทั้งนี้ เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดจะประสบปัญหาความเดือดร้อนแน่นอน จึงมีการเรียกประชุมกลุ่มเกษตรกรชาวไร่สับปะรดเพื่อหามาตรการรองรับปัญหาราคาตกต่ำในปี 52 สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยระยะสั้นจะจัดหาปุ๋ยปลอดดอกเบี้ยและอื่นๆ เพื่อเป็นการลดต้นทุนให้เกษตรกร ส่วนในระยะยาวให้กลุ่มเกษตรกรชาวไร่สับปะรดซึ่งมีนับ 1,000 ราย จดทะเบียนกลุ่ม รวมทั้งกลุ่มยางพาราและมันสำปะหลัง และมีการกำหนดโซนพื้นที่ปลูก รวมถึงกำหนดเปอร์เซ็นต์ของราคาขาย เพื่อหักเข้ากองทุนสะสมเพื่อสร้างความเข้มแข็งกลุ่มเกษตรกร
นายประกอบ กล่าวด้วยว่า หากเกิดปัญหาราคาสับปะรดในช่วงปีหน้าที่ประสบปัญหาวิกฤตราคาตกต่ำ เทศบาลจะทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อหาทางช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะได้รับการชดเชยจากภาครัฐบางส่วน แต่ถ้าเกษตรกรรายใดไม่ยอมจดทะเบียนให้ถูกต้องก็จะไม่ได้รับสิทธิ์นี้
ด้าน นายสายัณห์ ศรีเกตุ อายุ 54 ปี เลขที่ 287 หมู่ 7 ต.มะขามคู่ เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดรายหนึ่ง กล่าวว่า ช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2551 ราคารับซื้อของโรงงานอยู่ที่กิโลกัรมละ 3.50 บาท แผงรับซื้ออยุ่ที่กิโลกรัมละ 1.50 บาท สาเหตุมาจากปุ๋ยยูเรียมีราคาแพงถึงกระสอบละ 1,350 บาท แต่ปัญหาใหญ่ในเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนปีหน้า ที่ผลผลิตออกมากจะประสบการขาดทุนหนักแน่นอน จึงอยากฝากให้ภาครัฐเร่งหามาตรการแก้ไขปัญหาเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรด้วย