สุรินทร์ - กองทัพภาคที่ 2 ประชุมร่วมกับผู้ว่าฯ-ผู้การ 7 จังหวัดภาคอีสานตอนล่าง เพื่อบูรณาการประสานการปฎิบัติงานความมั่นคงภายใน จับตาการเคลื่อนไหวมวลชน การก่อความไม่สงบในพื้นที่-ปัญหายาเสพติด-ขบวนการลักลอบเข้าเมือง แม่ทัพภาค 2 เผยกรณีปัญหาสามเหลี่ยมมรกต อ.น้ำยืน จ.อุบลฯ ทุกประเทศถอนกำลังทหารหมดแล้ว ระบุ ทหารไทยเหยียบกับระเบิดเสียชีวิตที่เขาพระวิหารเป็นระเบิดเก่า ไม่ใช่ระเบิดฝังใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (17 พ.ย.) ที่ห้องประชุมเหมะบุตร กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ถ.สุรินทร์-ปราสาท ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) และ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 (ผอ.รมน.ภาค2) พร้อมด้วย พล.ต.ธวัชชัย สมุทรสาคร รองแม่ทัพภาคที่ 2 และคณะนายทหารจากกองทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางมาเป็นประธานการประชุมด้านความมั่นภายในร่วมกับ พล.ต.กนก เนตระคเวลสนะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ส่วนแยก 2
พร้อมด้วยผู้อำนวยการรักษาความมั่นภายในจังหวัด (ผอ.รมน.จว.) ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด ภาคอีสานตอนล่าง 7 จังหวัด คือ บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ, อำนาจเจริญ, อุบลราชธานี, ร้อยเอ็ด และ จ.ยโสธร รวมทั้งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด 7 จังหวัด ประกอบด้วย อำนาจเจริญ, อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, บุรีรัมย์, ร้อยเอ็ด และ จ.ยโสธร
ทั้งนี้ ในที่ประชุมมีการหารือกันในเรื่องความมั่นคงภายในจังหวัด การเคลื่อนไหวของกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ การก่อความไม่สงบในพื้นที่แต่ละจังหวัด การติดตามการแก้ไขปัญหายาเสพติด การเข้มงวดจับกุมการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งทุกจังหวัดได้มีการสรุปรายงานการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ในแต่ละจังหวัด
พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 และ ผอ.รมน.ภาค 2 กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า การประชุมร่วมกับผู้อำนวยการรักษาความั่นคงภายในจังหวัด แต่ละจังหวัดทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ในภาคอีสานตอนล่างในครั้งนี้ได้มีการติดตามความเคลื่อนไหว ของกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ ที่อาจกระทบกับความมั่นคงภายใน และการติดตามการแก้ไขปัญหา การปราบปรามยาเสพติด
ตลอดทั้งการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งแต่ละจังหวัดได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่รับผิดชอบได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะปัญหาการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของชาวต่างชาตินั้น พบว่ามีการทำกันขบวนการ ซึ่งมีการจับกุมหลายครั้ง แต่ยังมีการลักลอบทำผิดกฎหมายกันอยู่ จึงได้กำชับทุกจังหวัดได้เข้มงวดหาข่าวและจับกุมให้เฉียบขาดมากขึ้น เพราะเป็นปัญหากระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
กรณีปัญหาที่ทหารกัมพูชา ได้เข้ามายึดศาลาตรีมุข ซึ่งเป็นศาลาตั้งอยู่ในเขตรอยต่อชายแดนสามประเทศ คือ ประเทศไทย, ส.ป.ป.ลาว และ กัมพูชา ที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี หรือที่เรียกกันว่า “สามเหลี่ยมมรกต” นั้น ขณะนี้ทหารกัมพูชาได้ถอนกำลังออกหมดทุกนาย แล้ว ไม่มีการวางกำลังของทหารจากประเทศใด เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ต้องรอคณะกรรมการปักปันเขตแดน เข้ามาดำเนินการให้ชัดเจนก่อน และจะไม่มีการวางกำลังทหารจากประเทศใดอีก ซึ่งการที่ทหารกัมพูชาถอนกำลังออกไป สืบเนื่องจากผลประสบความสำเร็จของการเจรจากันระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชาที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอด
พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่พลทหารวีรยุทธ แก่นสาร อายุ 22 ปี สังกัดกรมทหารราบที่ 6023 พัน ร.234 จ.อุบลราชธานี ได้เหยียบกับระเบิดเสียชีวิตขณะเดินลาดตระเวน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ นั้น จุดเกิดเหตุอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ช่องโดนเอาว์ ต.รุง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ห่างจากตัวปราสาทพระวิหาร ประมาณ 6 กิโลเมตร ซึ่งเป็นกับระเบิดเก่าที่มีการวางไว้นานแล้ว ไม่ใช่ระเบิดที่วางใหม่แต่อย่างใด ขณะนี้ศพอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ. อุบลราชธานี ซึ่งจะเคลื่อนศพไปบำเพ็ญกุศล ที่บ้านเกิดที่ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานีต่อไป
“อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานการณ์ชายแดนไทยด้าน ส.ป.ป.ลาวนั้น ขณะนี้ถือว่าดีมาก ผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนของไทยที่มีเขตติดต่อกับ ส.ป.ป.ลาว มีการประสานงานเชื่อมความสัมพันธ์ กับเจ้าแขวง ทาง ส.ป.ป.ลาว เป็นอย่างดี” พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าว