รายงานพิเศษ
เหตุการณ์ที่ม็อบคนเสื้อแดง กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 นำกำลังบุกเข้าไปในพื้นที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส สำนักงานเชียงใหม่ ถนนเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด ตั้งแต่เวลาประมาณเที่ยงวันของวันที่ 3 พ.ย.2551 และส่อเค้าจะยืดเยื้อข้ามวัน เพราะมีการประกาศเชิญชวนประชาชนเข้าสมทบมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านวิทยุชุมชนคลื่น 92.5 Mhz มีการนำเต็นท์มากาง และขอรถสุขาของเทศบาลนครเชียงใหม่ แสดงท่าทีชัดเจนว่าจะไม่เลิกชุมนุมง่าย ๆ จนกว่าข้อเรียกร้อง ให้นายเทพชัย หย่อง ผ.อ.สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เดินทางมาขอโทษด้วยตนเอง
สาเหตุที่ทำให้คนเสื้อแดงไม่พอใจการนำเสนอของไทยพีบีเอส มาจากข่าวภาคค่ำเมื่อคืนก่อนหน้า ที่ได้นำเสนอรายงานพาดพิง อ้างแหล่งข่าวนักการเมืองท้องถิ่น จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ชาวเชียงใหม่ ที่ไปร่วมงานชุมนุม “ความจริงวันนี้สัญจร” ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนนั้น ได้รับเบี้ยเลี้ยงคนละ 500 บาทต่อวัน ซึ่งไม่รวมค่าอาหารอีกวันละ 200 บาท ส่วนค่าเดินทาง ค่าที่พักนั้น ผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้จะรับผิดชอบให้ทั้งหมด
การเดินทางมาชุมนุมครั้งนี้ มีการกำหนดค่าเบี้ยเลี้ยงให้เป็นเวลา 5 วันด้วยกัน เพื่อจูงใจให้มีผู้มาร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ และคาดว่า ผู้มาชุมนุมจากเชียงใหม่ จะได้รับค่าตอบแทนคนละประมาณ 2,000-3,000 บาท
รายงานชิ้นดังกล่าว อ้าง “แหล่งข่าว” ซึ่งเป็นวิธีการนำเสนอข่าวสารที่ละเอียดอ่อน หรืออาจจะเป็นอันตรายต่อผู้ให้ข่าวจึงต้องปกปิดชื่อ ถือเป็นหลักการอย่างหนึ่งของการสื่อสารมวลชนทั่วไป ทั้งนี้สื่อดังกล่าวจะต้องมั่นใจกับน่าเชื่อถือของ “ข่าว” ที่ได้รับมาว่าคือความจริงพร้อมๆ กัน
ปรากฏว่า กลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 ปฏิเสธข่าวสารที่สถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอส นำเสนออย่างสิ้นเชิงว่าไม่ใช่ความจริง จึงเรียกร้องให้สถานีดังกล่าวขอโทษ
สิ่งที่น่าสนใจที่สาธารณะควรจะรับรู้ต่อกรณีที่เกิดขึ้น ก็คือ เวลานี้มีข้อเท็จจริง 2 ชุด คือ ชุดของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสที่ได้นำเสนอออกไปสู่สาธารณะแล้ว
ขณะที่ข้อเท็จจริงอีกชุดจากกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เป็นความจริงที่ขัดแย้งสิ้นเชิงกับรายงานของสถานีไทยพีบีเอส
กลุ่มคนรักเชียงใหม่ ปฏิเสธว่า คนเชียงใหม่ที่ไปร่วมงานไม่ได้เงินเบี้ยเลี้ยงคนละ 500 บาท ไม่ได้ค่าอาหารวันละ 200 บาท และไม่ได้เดินทางฟรี-ที่พักฟรี
สิ่งที่สังคมส่วนรวมควรจะรับรู้ในเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ก็คือ ความจริงอีกชุดหนึ่งที่กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ยึดถือนั้นมีรายละเอียดเช่นไร ?
กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 พึงแถลงให้สังคมทราบถึงข้อเท็จจริงของฝ่ายตนให้สังคมทราบโดยกระจ่าง เพื่อสนับสนุนการกระทำของตนเองว่ามีความชอบธรรมเพียงพอ เช่น มีผู้เดินทางกี่คน ใช้รถกี่คัน ใช้งบประมาณจากส่วนใด จำนวนเท่าไหร่ หากมีการบริจาคใครเป็นผู้บริจาค จำนวนเท่าไหร่ ฯลฯ
กลุ่มรักเชียงใหม่ ได้ประกาศผ่านสถานีวิทยุชุมชนของตนล่วงหน้าหลายวันให้มวลชนที่ต้องการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาลงชื่อเอาไว้พร้อมกับบัตรประชาชน และเบอร์โทรศัพท์อ้างว่าเพื่อการประสานงานและการพลัดหลง ดังนั้น กลุ่มรักเชียงใหม่ย่อมมีฐานข้อมูลชัดเจนว่ามีผู้เดินทางจำนวนกี่คน
ไม่เพียงเท่านั้นการประกาศผ่านรายการวิทยุก่อนการเดินทางในบางช่วง ระบุว่า ผู้เดินทางไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย จะมีผู้ร่วมบริจาคสนับสนุน ซึ่งหมายถึงว่า จำนวนรถที่ติดต่อ/ราคาค่าใช้จ่ายในการเช่ารถ และจำนวนเงินบริจาค มีใครบ้างเป็นผู้บริจาคจำนวนเท่าไหร่ ฯลฯ ล้วนแต่เป็นกลุ่มรักเชียงใหม่เป็นผู้ติดต่อ และมีข้อมูลอยู่แล้วควรที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะให้กระจ่างชัดเจน อันจะนำมาสนับสนุนความชอบธรรมที่ได้รวมตัวประท้วงรอบนี้
เพราะมิฉะนั้นสังคมโดยรวมก็ยังจะมีความคลุมเครือ ไม่ชัดเจนต่อการเคลื่อนไหวประท้วง ทั้งสังคมก็จะไม่ได้ประโยชน์จริงว่าฝ่ายใดเท็จ ฝ่ายใดจริงกันแน่ !!?
สืบเนื่องจากก่อนหน้านั้น ก่อนหน้างานความจริงวันนี้สัญจรครั้งที่ 1 ที่เมืองทองธานี ในช่วงสายวันที่ 10 ตุลาคม 2551 นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ก็เคยออกรายการวิทยุชุมชนของตนพูดคุยกับดีเจร่วมรายการ กล่าวกับผู้ชมชาวเชียงใหม่ ว่า ทางกลุ่มไม่มีเงินมากพอ อาจจะยังไม่เดินทางไปร่วมงานที่กรุงเทพฯ เพราะต้องใช้จ่ายมาก การเดินทางไปจำเป็นต้องมีผู้สนับสนุน และในวันนั้น นายเพชรวรรต กล่าวย้ำหลายครั้งในรายการว่า ทางกลุ่มไม่มีเงินมากพอ ไปกรุงเทพฯ ต้องมีคนช่วยหนุน
จากคำกล่าวของ นายเพชรวรรต ในวันนั้น ยิ่งต้องทำให้กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงที่ฝ่ายตนเชื่อถือออกสู่สาธารณะให้เกิดความกระจ่างโดยเร็วเสียก่อน
เพราะเวลานี้ เหตุการณ์ความขัดแย้งกรณีสถานีไทยพีบีเอสเชียงใหม่ ยังคงมีความจริงอยู่ 2 ชุดที่ขัดแย้งกันสิ้นเชิง ที่ทำให้สังคมไทยยังสับสนไม่ชัดเจนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น