ฉะเชิงเทรา - ชาวนาแปดริ้วจำใจเก็บเกี่ยวผลผลิต ขายข้าวให้แก่พ่อค้าท่าข้าวที่มารับซื้อถึงแปลงนา ทั้งที่ราคาตกต่ำ เหตุจากไม่มียุ้งฉางเก็บตุนผลผลิตไว้รอราคาใหม่ วอนรัฐบาลช่วยควบคุมราคาปุ๋ยให้ลดต่ำลงตามบ้าง หลังพุ่งขึ้นแพงลิ่วแต่ไม่ยอมลดลงตามราคาข้าว ระบุอยากให้รัฐบาลช่วยประกันราคาข้าวทุกระดับความชื้น ไม่ให้ต่ำกว่าเกวียนละ 1 หมื่นบาท
วันนี้ (29 ต.ค.) เวลา 14.00 น. นายแดง แต้มเจริญ เกษตรกรชาวนา จังหวัดฉะเชิงเทรา ทำนาปลูกข้าวนาปีกว่า 130 ไร่ แบ่งที่ดินทำนาเป็น 3 แปลง โดยต้องจำใจเกี่ยวข้าวในแปลงนาที่รวงสุกเหลืองแล้วกว่า 15 ไร่ ขายให้แก่พ่อค้าท่าข้าวที่มารับซื้อเองจนถึงที่ ในราคาเกวียนละ 8,000 บาท ทั้งที่รู้ว่าเป็นราคาที่ตกต่ำมาก และไม่มีกำไร จากเมื่อก่อนเคยขายได้ถึงเกวียนละ 11,300 บาท แต่เหตุที่ต้องจำใจขายข้าวให้พ่อค้าในราคานี้ก็เพราะไม่มีสถานที่ ยุ้ง ฉาง ที่จะเก็บตุนผลผลิตไว้เพื่อรอราคาขายใหม่ที่ดีกว่านี้
สำหรับราคาข้าวที่เกวียนละ 8 พันบาทนั้น เป็นราคาที่ไม่มีผลกำไร แต่ได้เพียงแค่ต้นทุนที่ลงไปกลับคืนมาเท่านั้น เนื่องจากปุ๋ย และอุปกรณ์การทำนามีราคาแพงขึ้นตามราคาข้าวเมื่อก่อน ที่ข้าวขายได้ราคาแพง แต่ในขณะที่ข้าวราคาตกต่ำลง ปุ๋ยและอุปกรณ์ต่างๆ กลับไม่ลดต่ำลงตาม ซึ่งขณะนี้ราคาปุ๋ยยูเลีย ยังขายกันอยู่ที่ตันละ 27,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่แพงมาก จึงอยากขอให้ภาครัฐช่วยเข้ามาควบคุมราคาปุ๋ย และอุปกรณ์การเกษตรให้ถูกลงมาบ้าง
นอกจากนี้ ยังอยากให้รัฐบาลช่วยแทรกแซง หรือประกันราคาขายข้าวของชาวนาทุกชั้นความชื้นให้อยู่ในเกณฑ์ไม่ต่ำกว่าเกวียนละ 1 หมื่นบาท เพื่อให้ชาวนาพออยู่ได้ และมีเงินเหลือไปใช้หนี้บ้าง โดยราคาประกันตามโครงการของรัฐบาลที่ผ่านมา อยู่ที่เกวียนละ 12,000 บาท นั้น เป็นข้าวที่ความชื้นต่ำ และข้าวไม่ได้อยู่ในมือของชาวนา โดยผู้ได้ประโยชน์ส่วนใหญ่นั้น เป็นกลุ่มนายทุนที่มีลานตากข้าว และโรงสีมากกว่า เพราะชาวนาส่วนใหญ่ไม่มีลานตากข้าว เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ก็จะขายให้พ่อค้าเลยทันที