ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – กกร.เชียงใหม่หารือแนวทางรับมือวิกฤตสหรัฐฯ คาดยอดสั่งซื้อ-นักท่องเที่ยวลดแน่ 20-30% เตรียมเสนอรัฐบาลช่วยทั้งมาตรการภาษี เงินทุนและหาตลาดใหม่ คาดยื่นช่วงประชุม ครม.สัญจรที่เชียงใหม่ ขณะที่รองประธานหอการค้าแนะช่วยตัวเองดีที่สุด
นายวีระยุทธ สุขวัฑฒโก ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ และประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน(กกร.)จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า วานนี้(8 ต.ค.51) กกร.จังหวัดเชียงใหม่และเครือข่ายหน่วยงานบริการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภาคเหนือ ได้จัดการประชุมหารือเรื่องวิกฤตสหรัฐฯ กับความอยู่รอดของธุรกิจภาคเหนือ เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาดังกล่าว ที่เกิดขึ้นและแนวทางแก้ไขร่วมกัน เพื่อนำเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
กกร.คาดการณ์ว่า ผลจากปัญหาดังกล่าวจะทำให้ปริมาณการสั่งสินค้าและนักท่องเที่ยวจากตลาดสหรัฐอเมริการลดลง 20-30% อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ผลจาการประชุมดังกล่าว ในส่วนของสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีข้อเสนอให้ภาครัฐลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 20% เพื่อให้ใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน มีการจัดตั้งธนาคารเพื่อการอุตสาหกรรม หรือ ธอก. โดยเฉพาพเพื่อช่วยเหลือสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม ให้กระทรวงการคลังออกมาตรการผ่อนปรนดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการที่ส่งออกสินค้าไปสหรัฐอเมริกาในช่วงที่รอรับการชำระเงิน และสนับสนุนด้านตลาดใหม่ทดแทนการสั่งซื้อที่จะลดลงในช่วงปีหน้า
ขณะที่หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เสนอให้มีการผลักดันให้มีการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติจังหวัดเชียงใหม่อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ควรดูแลค่าเงินบาทอย่าให้ผันผวน ควรเก็บภาษีอย่างเป็นธรรมและพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบกับการค้า รวมทั้งชะลอการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
ด้านชมรมธนาคารจังหวัดเชียงใหม่ เสนอให้ภาครัฐมีการจัดโรดโชว์ไปต่างประเทศ ขอให้ ธปท.ดูแลส่งเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ มีการลดภาษีนิติบุคคล และกระทรวงการคลังควรมีการจัดสรรเงินสนับสนุน SMEs ในอัตราดอกเบี้ยถูก
ส่วนสมาคมผู้ผลิตและส่งออกสินค้าหัตถกรรมภาคเหนือ เสนอให้มีการสนับสนุน SMEs อย่างแท้จริงเป็นรูปธรรม รัฐมีการขยายตลาดใหม่ด้านการส่งออกเพื่อชดเชยตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป รวมทั้งมีการจัดสรรงบประมาณพัฒนาด้านการตลาดเพื่อส่งออกอย่างจริงจัง ควรมีการจัดงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติที่สามารถดึงดูดผู้ซื้อจากประเทศอื่นๆ ได้นอกจากสหรัฐอเมริกา และควรมีมาตรการลดหย่อนภาษีให้แก่ SMEs ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
สำหรับข้อเสนอทั้งหมด ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จะมีการนำเสนอให้กับรัฐบาลในระหว่างที่มีการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคมหรือต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ทั้งนี้ยอมรับว่าข้อเสนอส่วนใหญ่เป็นประเด็นเดิมๆ ที่เคยมีการพยายามผลักดันมาแล้วหลายครั้งแต่ก็ยังคงต้องพยายามต่อไป โดยในระหว่างการรอการช่วยเหลือจากรัฐบาลเห็นว่าผู้ประกอบการจะต้องหาทางช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด ด้วยการพยายามรักษาลูกค้าเดิมไว้ให้ได้และพยายามหาตลาดใหม่
ด้านนายเฉลิมชาติ นครังกุล รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในฐานะผู้ประกอบการรายหนึ่งมีความเห็นว่าวิกฤตสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นไม่ใช่แต่เพียงผู้ประกอบการไทยเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นทั่วโลก ดังนั้นจึงควรยอมรับความจริงว่า ผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องพึ่งพาตัวเองเป็นหลัก โดยที่ไม่ต้องไปหวังพึ่งพาคนอื่น เพราะข้อเสนอต่างๆ ที่มีการหารือกันนั้น ไม่แน่ใจว่าจะได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลเมื่อใด
นายวีระยุทธ สุขวัฑฒโก ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ และประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน(กกร.)จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า วานนี้(8 ต.ค.51) กกร.จังหวัดเชียงใหม่และเครือข่ายหน่วยงานบริการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภาคเหนือ ได้จัดการประชุมหารือเรื่องวิกฤตสหรัฐฯ กับความอยู่รอดของธุรกิจภาคเหนือ เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาดังกล่าว ที่เกิดขึ้นและแนวทางแก้ไขร่วมกัน เพื่อนำเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
กกร.คาดการณ์ว่า ผลจากปัญหาดังกล่าวจะทำให้ปริมาณการสั่งสินค้าและนักท่องเที่ยวจากตลาดสหรัฐอเมริการลดลง 20-30% อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ผลจาการประชุมดังกล่าว ในส่วนของสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีข้อเสนอให้ภาครัฐลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 20% เพื่อให้ใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน มีการจัดตั้งธนาคารเพื่อการอุตสาหกรรม หรือ ธอก. โดยเฉพาพเพื่อช่วยเหลือสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม ให้กระทรวงการคลังออกมาตรการผ่อนปรนดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการที่ส่งออกสินค้าไปสหรัฐอเมริกาในช่วงที่รอรับการชำระเงิน และสนับสนุนด้านตลาดใหม่ทดแทนการสั่งซื้อที่จะลดลงในช่วงปีหน้า
ขณะที่หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เสนอให้มีการผลักดันให้มีการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติจังหวัดเชียงใหม่อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ควรดูแลค่าเงินบาทอย่าให้ผันผวน ควรเก็บภาษีอย่างเป็นธรรมและพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบกับการค้า รวมทั้งชะลอการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
ด้านชมรมธนาคารจังหวัดเชียงใหม่ เสนอให้ภาครัฐมีการจัดโรดโชว์ไปต่างประเทศ ขอให้ ธปท.ดูแลส่งเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ มีการลดภาษีนิติบุคคล และกระทรวงการคลังควรมีการจัดสรรเงินสนับสนุน SMEs ในอัตราดอกเบี้ยถูก
ส่วนสมาคมผู้ผลิตและส่งออกสินค้าหัตถกรรมภาคเหนือ เสนอให้มีการสนับสนุน SMEs อย่างแท้จริงเป็นรูปธรรม รัฐมีการขยายตลาดใหม่ด้านการส่งออกเพื่อชดเชยตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป รวมทั้งมีการจัดสรรงบประมาณพัฒนาด้านการตลาดเพื่อส่งออกอย่างจริงจัง ควรมีการจัดงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติที่สามารถดึงดูดผู้ซื้อจากประเทศอื่นๆ ได้นอกจากสหรัฐอเมริกา และควรมีมาตรการลดหย่อนภาษีให้แก่ SMEs ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
สำหรับข้อเสนอทั้งหมด ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จะมีการนำเสนอให้กับรัฐบาลในระหว่างที่มีการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคมหรือต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ทั้งนี้ยอมรับว่าข้อเสนอส่วนใหญ่เป็นประเด็นเดิมๆ ที่เคยมีการพยายามผลักดันมาแล้วหลายครั้งแต่ก็ยังคงต้องพยายามต่อไป โดยในระหว่างการรอการช่วยเหลือจากรัฐบาลเห็นว่าผู้ประกอบการจะต้องหาทางช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด ด้วยการพยายามรักษาลูกค้าเดิมไว้ให้ได้และพยายามหาตลาดใหม่
ด้านนายเฉลิมชาติ นครังกุล รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในฐานะผู้ประกอบการรายหนึ่งมีความเห็นว่าวิกฤตสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นไม่ใช่แต่เพียงผู้ประกอบการไทยเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นทั่วโลก ดังนั้นจึงควรยอมรับความจริงว่า ผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องพึ่งพาตัวเองเป็นหลัก โดยที่ไม่ต้องไปหวังพึ่งพาคนอื่น เพราะข้อเสนอต่างๆ ที่มีการหารือกันนั้น ไม่แน่ใจว่าจะได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลเมื่อใด
