พิจิตร – นายก อบจ.พิจิตรประณามรัฐบาลใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม ชี้เป็นที่เดียวของโลกไร้จิตวิญญาณ-คุณธรรม เหยียบเลือด-น้ำตาประชาชนเข้าประชุมสภา
นายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณหน้ารัฐสภาด้วยความรุนแรงด้วยการใช้อาวุธ ไม้กระบอง แก๊สน้ำตา ระเบิดพริกไทย จนทำให้มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งมองว่าการที่ผู้แทนราษฎร ที่อ้างตัวเป็นตัวแทนของประชาชนเดินเท้าเปื้อนเลือด ของประชาชนผู้บริสุทธิ์เข้าไปประชุมสภา
ทั้งนี้ อ้างความชอบธรรมว่ามาจากการเลือกตั้งเป็นความคิดและการกระทำที่ไม่สง่างาม เพราะภาพการประชุมแบบรีบเร่ง เหมือนผู้ร้ายหนีตำรวจกับภาพการใช้กำลังหน้ารัฐสภาขัดต่อความรู้สึกของนานาประเทศ และอาจพูดได้ว่าการประชุมสภาผู้แทนราษฎรของประเทศไทยเป็นแห่งแรกของโลกที่ประชาชนไม่ยอมให้ผู้แทนประชาชนเข้าไปประชุมสภา ซึ่งถ้าเป็นประเทศที่มีอารยธรรมทางการเมืองสูงอย่างประเทศญี่ปุ่น ผู้นำประเทศคงต้องคว้านท้องตัวเองหรือลาออกแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองที่ไม่สามารถปกครองคนในชาติได้ แต่เมืองไทยนักการเมืองระดับชาติกลับไร้จิตวิญญาณและสปิริตทางการเมือง โดยไม่นึกถึงหลักธรรม และ เมตตาจิต
นายชาติชาย กล่าวต่ออีกว่า รัฐบาลน่าจะหาทางเจรจามากกว่าการใช้กำลัง หรือเลื่อนวัน-เวลา การประชุมออกไป ไม่ใช่ใช้กระสุนและแก๊สน้ำตา แล้วเหยียบคราบเลือดประชาชนเข้าไปประชุมสภา แล้วอย่างนี้ผู้นำประเทศและรัฐมนตรีของประเทศไทยเวลาไปเจอหน้ากับสากลโลก หรือชาติที่มีอารยธรรมจะกล้าเงยหน้า หรือยิ้มตอบคำถามกับนานาประเทศได้อย่างไร จึงฝากอยากบอกรัฐบาลทำผิดไปแล้วแก้ตัวใหม่ได้ แต่อย่าทำซ้ำแล้วซ้ำอีกเพราะจะเป็นบ่อเกิดแห่งฉนวนสงครามประชาชนกับรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลเสียในทุกๆ ด้านของประเทศไทย
นายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณหน้ารัฐสภาด้วยความรุนแรงด้วยการใช้อาวุธ ไม้กระบอง แก๊สน้ำตา ระเบิดพริกไทย จนทำให้มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งมองว่าการที่ผู้แทนราษฎร ที่อ้างตัวเป็นตัวแทนของประชาชนเดินเท้าเปื้อนเลือด ของประชาชนผู้บริสุทธิ์เข้าไปประชุมสภา
ทั้งนี้ อ้างความชอบธรรมว่ามาจากการเลือกตั้งเป็นความคิดและการกระทำที่ไม่สง่างาม เพราะภาพการประชุมแบบรีบเร่ง เหมือนผู้ร้ายหนีตำรวจกับภาพการใช้กำลังหน้ารัฐสภาขัดต่อความรู้สึกของนานาประเทศ และอาจพูดได้ว่าการประชุมสภาผู้แทนราษฎรของประเทศไทยเป็นแห่งแรกของโลกที่ประชาชนไม่ยอมให้ผู้แทนประชาชนเข้าไปประชุมสภา ซึ่งถ้าเป็นประเทศที่มีอารยธรรมทางการเมืองสูงอย่างประเทศญี่ปุ่น ผู้นำประเทศคงต้องคว้านท้องตัวเองหรือลาออกแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองที่ไม่สามารถปกครองคนในชาติได้ แต่เมืองไทยนักการเมืองระดับชาติกลับไร้จิตวิญญาณและสปิริตทางการเมือง โดยไม่นึกถึงหลักธรรม และ เมตตาจิต
นายชาติชาย กล่าวต่ออีกว่า รัฐบาลน่าจะหาทางเจรจามากกว่าการใช้กำลัง หรือเลื่อนวัน-เวลา การประชุมออกไป ไม่ใช่ใช้กระสุนและแก๊สน้ำตา แล้วเหยียบคราบเลือดประชาชนเข้าไปประชุมสภา แล้วอย่างนี้ผู้นำประเทศและรัฐมนตรีของประเทศไทยเวลาไปเจอหน้ากับสากลโลก หรือชาติที่มีอารยธรรมจะกล้าเงยหน้า หรือยิ้มตอบคำถามกับนานาประเทศได้อย่างไร จึงฝากอยากบอกรัฐบาลทำผิดไปแล้วแก้ตัวใหม่ได้ แต่อย่าทำซ้ำแล้วซ้ำอีกเพราะจะเป็นบ่อเกิดแห่งฉนวนสงครามประชาชนกับรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลเสียในทุกๆ ด้านของประเทศไทย