ตาก – ผู้ว่าฯสั่งโล๊ะทิ้งผลประชาคมชุมนุมเทศบาลเมืองแม่สอด หลังถูกร้องเรียนตั้งโต๊ะเรียกรับเงินแรงงานพม่าหัวละ 3,500 บาท พร้อมเร่งสอบสวนเอาผิดทั้งวินัย-อาญา
นายชุมพร พลรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวถึงกรณีมีการร้องเรียนการทุจริตเรียกรับเงิน ในการจัดทำทะเบียนประวัติบุคคลต่างด้าว กะเหรี่ยง-พม่า เพื่อขึ้นทะเบียนบุคคล ว่า ในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ครั้งล่าสุด มีการหารือกรณีชุมชนต่างๆในเขตเทศบาล และหมู่บ้าน ได้ทำการสำรวจจัดทำทะเบียนประวัติ และเอกสารแสดงตนสำหรับชาวพม่าที่ไม่มีชื่อออยู่ในระบบทะเบียนราษฎร์ เขตพื้นที่สำนักทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลเมืองแม่สอด และสำนักทะเบียนอำเภอแม่สอด ในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2551 ที่มีชาวพม่านับ 10,000 คน ไปแสดงตนเพื่อหวังจะได้บัตรรับรองในการอาศัยอยู่ในพื้นที่ 10 ปี ต่อมาทางกระทรวงมหาดไทย และทางจังหวัดตากได้รับร้องเรียนว่า มีชุมชนบางแห่ง ได้เรียกเก็บเงินจากชาวพม่าหัวละ 3,000 – 3,500 บาท จึงต้องเรียกประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขึ้น
นายชุมพร กล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงการเรียกเก็บเงินจากชาวพม่า ให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมายโดยเคร่งครัด หากมีการเรียกรับผลประโยชน์จริง ทางจังหวัดจะดำเนินการกับผู้กระทำความผิด ทั้งทางอาญา และวินัยทันที ขณะเดียวกันจะต้องมีการทำประชาคมใหม่ หลังจากที่มีการทำประชาคมรับรองบุคคลต่างด้าว
สำหรับการสำรวจจัดทำทะเบียนประวัติ และเอกสารแสดงตนสำหรับชาวพม่าที่ไม่มีชื่ออยู่ในระบบทะเบียนราษฎร์ เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2549 ที่อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานะ และสิทธิของบุคคล ซึ่งได้ระบุออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มบุคคลที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย ที่มีความเกี่ยวพันกับชนกลุ่มน้อยเดิม แต่ตกสำรวจ และกลุ่มบุคคลที่ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศไทย
ขณะที่ชาวพม่าทั้งในอำเภอแม่สอด จากศูนย์พักพิงผู้ลี้ภัยสงครามในพื้นที่ จ.ตาก และจากจังหวัดต่างๆในพม่า รวมทั้งผู้ประสบภัยจากพายุนาร์กีสด้วย ต่างเดินทางไปแสดงตนเพื่อหวังจะได้บัตรอนุญาตอาศัยอยู่ในอำเภอแม่สอด
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ผ่านมา หน่วยงานของรัฐไม่ให้ความสนใจในการแสดงตนของชาวพม่า ปล่อยให้คณะกรรมการชุมชนต่างๆ ทำกันเองโดยลำพัง และมีการเรียกเก็บเงินจากชาวพม่า โดยอ้างว่า จะได้บัตรอาศัยอยู่ในอำเภอแม่สอด คราวละ 10 ปี
นายชุมพร พลรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวถึงกรณีมีการร้องเรียนการทุจริตเรียกรับเงิน ในการจัดทำทะเบียนประวัติบุคคลต่างด้าว กะเหรี่ยง-พม่า เพื่อขึ้นทะเบียนบุคคล ว่า ในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ครั้งล่าสุด มีการหารือกรณีชุมชนต่างๆในเขตเทศบาล และหมู่บ้าน ได้ทำการสำรวจจัดทำทะเบียนประวัติ และเอกสารแสดงตนสำหรับชาวพม่าที่ไม่มีชื่อออยู่ในระบบทะเบียนราษฎร์ เขตพื้นที่สำนักทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลเมืองแม่สอด และสำนักทะเบียนอำเภอแม่สอด ในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2551 ที่มีชาวพม่านับ 10,000 คน ไปแสดงตนเพื่อหวังจะได้บัตรรับรองในการอาศัยอยู่ในพื้นที่ 10 ปี ต่อมาทางกระทรวงมหาดไทย และทางจังหวัดตากได้รับร้องเรียนว่า มีชุมชนบางแห่ง ได้เรียกเก็บเงินจากชาวพม่าหัวละ 3,000 – 3,500 บาท จึงต้องเรียกประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขึ้น
นายชุมพร กล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงการเรียกเก็บเงินจากชาวพม่า ให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมายโดยเคร่งครัด หากมีการเรียกรับผลประโยชน์จริง ทางจังหวัดจะดำเนินการกับผู้กระทำความผิด ทั้งทางอาญา และวินัยทันที ขณะเดียวกันจะต้องมีการทำประชาคมใหม่ หลังจากที่มีการทำประชาคมรับรองบุคคลต่างด้าว
สำหรับการสำรวจจัดทำทะเบียนประวัติ และเอกสารแสดงตนสำหรับชาวพม่าที่ไม่มีชื่ออยู่ในระบบทะเบียนราษฎร์ เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2549 ที่อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานะ และสิทธิของบุคคล ซึ่งได้ระบุออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มบุคคลที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย ที่มีความเกี่ยวพันกับชนกลุ่มน้อยเดิม แต่ตกสำรวจ และกลุ่มบุคคลที่ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศไทย
ขณะที่ชาวพม่าทั้งในอำเภอแม่สอด จากศูนย์พักพิงผู้ลี้ภัยสงครามในพื้นที่ จ.ตาก และจากจังหวัดต่างๆในพม่า รวมทั้งผู้ประสบภัยจากพายุนาร์กีสด้วย ต่างเดินทางไปแสดงตนเพื่อหวังจะได้บัตรอนุญาตอาศัยอยู่ในอำเภอแม่สอด
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ผ่านมา หน่วยงานของรัฐไม่ให้ความสนใจในการแสดงตนของชาวพม่า ปล่อยให้คณะกรรมการชุมชนต่างๆ ทำกันเองโดยลำพัง และมีการเรียกเก็บเงินจากชาวพม่า โดยอ้างว่า จะได้บัตรอาศัยอยู่ในอำเภอแม่สอด คราวละ 10 ปี