น่าน – เผยเหตุน้ำป่าถล่มเมืองน่าน ทำให้ชาวบ้านเสียชีวิตแล้ว 1 ราย สูญหายอีก 2 คน บาดเจ็บอีกนับ 10 ราย ทั้งยังมีชาวบ้านได้รับผลกระทบอีกหลายร้อยคน
รายงานข่าวจากจังหวัดน่าน แจ้งว่า ได้เกิดเหตุน้ำป่าหลากเข้าพื้นที่ ต.ศรีภูมิ และ ต.ตาลชุม อ.ท่าวังผา มีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย ประมาณ 45 หลังคาเรือน เสียหายทั้งหลัง จำนวน 7 หลัง ซึ่งเป็นบ้านที่อยู่ติดริมน้ำและเชิงเขา พบผู้เสียชีวิตแล้ว พบเสียชีวิตแล้ว 1 คน คือ นางอำพร ปาโน อายุ 60 ปี ส่วนอีก 2 คน ได้แก่นางอ่อน อินธิวงค์ อายุ 61 ปี และ นางสม ไชยสลี อายุ 64 ปียังสูญหาย และเจ้าหน้าที่กำลังพยายามเร่งค้นหาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าอาจถูกกระแสแรงน้ำพัดหายไป มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย และจากเหตุการณ์นี้ทำให้มีราษฎรได้รับความเดือดร้อนกว่า 200 คน ถนน 2 สาย ฝาย 3 แห่ง และโรงสีข้าวประจำหมู่บ้าน 1 โรง ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน
ชาวบ้านห้วยธนู ม.9 ต.ตาลชุม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงมากที่สุด เล่าถึงสถานการณ์เมื่อคืนกลางดึกว่า ประมาณ 5 ทุ่ม ขณะกำลังนอนหลับในบ้าน ได้ยินเสียงคล้ายมีการทุบดินอยู่ไกลๆ และเริ่มดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จึงพากันออกไปดูที่นอกบ้าน ปรากฏว่า เห็นน้ำกำลังไหลลงมาตามถนนในหมู่บ้านด้วยความเร็ว จึงได้ตะโกนร้องเรียกคนในหมู่บ้านให้หนีน้ำ แต่น้ำป่ามาเร็วและแรงมาก ไม่สามารถเก็บของอะไรได้ทัน ได้แต่พากันกอดเสาบ้านรอให้น้ำพัดไป ขณะที่เห็นบ้านหลังข้างๆถูกน้ำพัดจนล้มพังทั้งหลังแล้วไหลไปตามแรงน้ำ
ขณะนี้ ทุกหน่วยได้เข้าให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนซึ่งการปฏิบัติงานเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยเฉพาะการติดต่อประสานงาน เนื่องจากบางจุดของพื้นที่ประสบภัยไม่มีสัญญาณโทรศัพท์
ทางด้านผู้บังคับกองร้อย ตชด. 325 ได้นำชุดปฏิบัติการ 7 ชุด จำนวน 70 นาย ร่วมกับทางอำเภอเชียงกลาง สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน หน่วยทหาร และอพปร. ได้เข้าช่วยเหลือ มีการนำถุงยังชีพแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัย และหน่วยชุดช่าง ได้ร่วมกันเก็บกวาดล้างดินโคลนที่มากับน้ำ และทับถมสูงประมาณ 1 ศอก และบางแห่ง สูงถึง 1 เมตร ต้องใช้จอบขุดเอาดินโคลนออก และซ่อมแซมบ้านเรือนให้กับผู้ประสบภัย
ขณะที่นายสมพงษ์ อนุยุทธพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ยังได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชน ในพื้นที่เสี่ยงที่ติดริมน้ำและเชิงเขา ให้เฝ้าระวังน้ำป่าอย่างใกล้ชิด เนื่องจากขณะที่สภาพอากาศโดยรวมยังคงมีเมฆฝนปกคลุมหนาแน่น และได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังภัยในพื้นที่เพื่อออกช่วยเหลือชาวบ้านตลอด 24 ชั่วโมง