ศูนย์ข่าวศรีราชา - รองผู้ว่าฯชลบุรี สั่งรื้อไม้ไผ่เลี้ยงหอยแมลงภู่ที่ปักในทะเล ใกล้ชายฝั่ง เพราะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและภูมิทัศน์ในทะเล
นายคมสัน เอกชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวถึงกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงหอยแมลงภู่บริเวณแหลมแท่นและอ่างศิลา ย่านชายหาดบางแสน ซึ่งพื้นที่บริเวณดังกล่าวถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อน ของนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศ โดยการกระทำดังกล่าวถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะบริเวณนั้นถือว่าเป็นทรัพย์สมบัติของประชาชนทุกๆ คน ที่สามารถใช้พื้นที่ร่วมกันได้ แต่ก็มีนายทุนบางกลุ่มใช้สถานที่เลี้ยงหอยโดยไม่เหมาะสม ที่สำคัญเป็นการเสียสถาพภูมิทัศน์ด้านการท่องเที่ยว
ที่ผ่านมา บริเวณดังกล่าวไม่เคยมีปัญหา แต่เมื่อมีนายทุนกลุ่มนี้เข้ามาก็เริ่มเข้ามาบุกรุกพื้นที่ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งในส่วนนี้ต้องแยกกันอย่างชัดเจนอย่างชัดเจน แต่กลุ่มทุนดังกล่าวยังดึงกลุ่มประชาชนมาสร้างแรงกดดันให้กับหน่วยงานรัฐ เพื่อเรียกร้องให้รัฐผ่อนผันและดำเนินการดังกล่าวต่อไปได้ เนื่องจากอ้างว่าผู้ที่มาปักไม้เลี้ยงหอยแมลงภู่นั้นเป็นชาวบ้านจนๆ
นายคมสัน กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา มีการเจรจาและพูดคุยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และผ่อนผันมาให้เป็นระยะเวลา 1 ปี แล้ว แต่ก็ยังไม่ดำเนินการตามที่เจรจาไว้ ที่สำคัญบริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งดูแล้วไม่เหมาะสม และเสียสภาพภูมิทัศน์ด้านการท่องเที่ยวด้วย นอกจากนั้น ยังสร้างแรงกดดันต่อเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อผ่อนผันและขอเลี้ยงหอยแมลงภู่ต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ทางจังหวัดและหน่วยงานที่รับผิดชอบคงจะยอมต่อไปไม่ได้อย่างแน่นอน และต้องรื้ออย่างแน่นอน
ด้าน นายสวัสดิ์ หอมปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข กล่าวว่า สำหรับไม้ไผ่ที่ปักเลี้ยงหอยนั้น เป็นไม้ไผ่เก่าที่ชาวบ้านเลิกเลี้ยงแล้ว แต่ชาวบ้านยังไม่ได้รื้อถอนออกไป แต่อย่างไรก็ตามเมื่อยังมีให้เห็นอยู่นั้น ทางเทศบาลฯก็จะเข้ามารื้อถอน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภูมิทัศน์ด้านการท่องเที่ยวของชายหาดบางแสน
พื้นที่เลี้ยงหอยนั้น ทางจังหวัดได้กำหนดให้เลี้ยงได้ โดยให้ห่างจากชายฝั่ง 600 เมตร โดยเกษตรกรรายใดมาเลี้ยงในบริเวณใกล้ชายฝั่ง ถือว่าไม่ถูกต้องและต้องรื้อถอนตามนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างเคร่งครัด
ด้าน พ.ต.อ.ชัยชนะ จิตต์ธรรม ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรแสนสุข กล่าวถึง กรณีดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของจังหวัด ในการรื้อถอนไม้ไผ่ที่มาปักเลี้ยงหอยแมลงภู่บริเวณดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง และหากกลุ่มเกษตรกรไม่ยอมปฏิบัติตาม ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัด
