อุบลราชธานี-ตำรวจมึนคดีฆ่าเจ้าอาวาสวัดกลางเมืองอุบลราชธานี หลังตรวจบุคคลต้องสงสัยตามภาพสเกตช์ ตามคำบอกเล่าของพยานเด็กนักเรียนที่เดินสวนกับคนร้าย พบมีหน้าคล้ายกันถึง 52 คน เมื่อนำตัวยามของเอกชนแห่งหนึ่งที่ชอบไปป้วนเปี้ยนที่กุฏิเกิดเหตุให้พยานดู ยันไม่ใช่คนร้ายที่เห็น แต่ไปละม้ายคล้ายคลึงกับผู้ต้องสงสัยภูมิลำเนาอยู่ จ.นครราชสีมา เมื่อนำตัวมาดูพฤติกรรมก็ไม่ใช่อีก ขณะเดียวกันชุดสอบสวนขยายประเด็นสอบเพิ่มเรื่องความขัดแย้งการบริหารงานโรงเรียนของวัด แต่ก็ไม่ตัดประเด็นฆ่าชิงทรัพย์
จากกรณีมารศาสนาใช้ขาไมค์โคโฟนแบบตั้งโต๊ะทุบศีรษะฆ่าเจ้าคุณกิตติญาณโสภณ เจ้าอาวาสวัดมณีวนาราม หรือวัดป่าน้อย และเป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองอุบลราชธานีมรณภาพคากุฏิ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนนำตัวเด็กนักเรียนหญิงชั้นมัธยมที่เดินสวนทางกับคนร้ายมาสเกตช์ภาพใบหน้าผู้ต้องสงสัย พร้อมตั้งประเด็นสังหารทั้งการฆ่าชิงทรัพย์ และความขัดแย้งการบริหารงานภายในวัดตามข่าวที่เสนอไปแล้ว
ความคืบหน้าวานนี้ (7 ส.ค.) พล.ต.ต.สมพิศ ชนะมี ผบก.ภ.จว.อุบลราชธานี ให้ พ.ต.อ.ไอศูรย์ สิงหนาถ รอง ผบก.เป็นหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนสืบสวนติดตามจับตัวคนร้ายที่ก่อเหตุโหดกลางเมืองและมีการสอบสวนขยายประเด็นเพิ่มเติมจากการฆ่าชิงทรัพย์ มาสอบสวนเรื่องความขัดแย้งการบริหารงานของโรงเรียนอุบลวิทยากร ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนเด็กเล็กถึงชั้นมัธยมต้นของวัด
เนื่องจากเมื่อต้นปีที่ผ่านมา คณะครูและกรรมการที่ดูแลวัดมีหนังสือร้องเรียนผู้บริหารโรงเรียนคนหนึ่งไปยังสำนักงานตรวจงานแผ่นดินภูมิภาคที่ 5 จ.อุบลราชธานีกล่าวหามีพฤติกรรมใช้จ่ายเงินซื้อนมโรงเรียนไม่โปร่งใส ทำให้โรงเรียนเสียประโยชน์เป็นเงินกว่า 700,000 บาท
โดยเรื่องดังกล่าว สตง.ภูมิภาคที่ 5 ได้ตรวจสอบและรับเรื่องร้องเรียน พร้อมส่งเรื่องให้กระทรวงศึกษาธิการตั้งคณะกรรมการสอบสวนพฤติกรรมของผู้บริหารคนดังกล่าว อาจเป็นสาเหตุทำให้โกรธแค้นท่านเจ้าคุณที่อยู่เบื้องหลังการร้องเรียนของคณะกรรมการวัดก็ได้ ซึ่งในบ่ายวันนี้ พนักงานสอบสวนได้เชิญคณะครูและกรรมการวัดที่ทำเรื่องร้องเรียนมาสอบสวนปากคำ เพื่อหาเบาะแสในเรื่องความขัดแย้งที่เกิดขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ยังเรียกพระ-เณรที่พักอาศัยอยู่ใกล้กุฏิที่เกิดเหตุมาสอบปากคำ เพื่อหาพยานแวดล้อมอื่นๆเพิ่มเติม โดยวันนี้มีการเรียกพยานมาสอบปากหาสาเหตุการบุกสังหารเจ้าคุณกิตติญาณโสภณทั้งสิ้น 7 ปาก
สำหรับประเด็นนักเรียนหญิงชั้นมัธยม 2 คน เห็นคนมีเลือดเปื้อนเสื้อผ้าวิ่งออกจากกุฏิหลังเกิดเหตุ จึงทำการสเกตช์ภาพใบหน้าผู้ต้องสงสัยตามคำบอกเล่าของพยาน พร้อมได้เชิญตัวนายมณี หรือนายสมพงษ์ ใจกล้า อายุ 31 ปี ยามของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งชอบไปป้วนเปี้ยนขอความช่วยเหลือจากท่านเจ้าคุณมาให้เด็กนักเรียนชี้ตัว ปรากฏว่าไม่ใช่คนร้ายที่นักเรียนทั้ง 2 คนเห็น จึงได้ปล่อยตัวไป ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวนได้นำใบหน้าจากภาพสเกตช์ไปตรวจสอบเปรียบเทียบในทะเบียนราษฎร ก็พบบุคคลต้องสงสัยมีชื่อและนามสกุลเดียวกับผู้ต้องสงสัยรายแรกจำนวน 52 คน
แต่บุคคลที่มีใบหน้ารูปพรรณสันฐานคล้ายคลึงกับผู้ต้องสงสัยมาก มีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา จึงประสานให้เจ้าหน้าที่ สภ.พิมาย จ.นครราชสีมา เชิญตัวมาสอบสวนไม่พบพิรุธ และผู้ต้องสงสัยสามารถยืนยันสถานที่อยู่ในช่วงเกิดเหตุฆาตกรรมเจ้าอาวาสรูปนี้ได้อย่างดี จึงได้ปล่อยตัวไปเช่นกัน
ด้าน พ.ต.อ.เด่นพงษ์ วรรณพงษ์ ผกก.สภ.เมืองอุบลราชธานี กล่าวว่า เหตุฆาตกรรมเจ้าคุณกิตติญาณโสภณ เจ้าคณะอำเภอเมืองอุบลราชธานี ไม่มีอะไรสลับซับซ้อนมาก โดยได้ส่งขาไมค์โคโฟนที่คนร้ายใช้เป็นอาวุธสังหารท่านเจ้าคุณไปตรวจหาลายนิ้วมือแฝง เมื่อได้ลายนิ้วมือของคนร้ายมาแล้ว ก็จะใช้เป็นหลักฐานจับกุมตัวคนร้ายทันที
โดยขณะนี้มีคนอยู่ในข่ายต้องสงสัย 2-3 คน ชุดสืบสวนได้ตามประกบตัวไว้หมดแล้ว เมื่อหลักฐานพร้อมก็สามารถจับกุมได้ทันที ส่วนประเด็นการสังหารยังอยู่ในประเด็นฆ่าชิงทรัพย์และความขัดแย้งภายในวัดเช่นเดิม