แม่ฮ่องสอน – ดีเอสไอพร้อมตำรวจภูธร สภ.ปาย บุกจับกุมตัวชาวเกาหลีเหนือสวมบัตรประจำตัวประชาชนไทย หลบเข้ามาทำธุรกิจในพื้นที่อำเภอปาย
วันนี้ (6 ส.ค.) พ.ต.ต. ธนู อินทร์พรหม สว.สป.สภ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ดี เอส ไอ เข้าจับตัวชาวเกาหลี 1 ราย ที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด อายาเซอร์วิส อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ที่ได้สวมบัตรประจำตัวประชาชนชื่อ นายชาติชาย ธรรมชาติร่มรื่น อยู่บ้านเลขที่ 11 / 2 ถนนมิตรภาพ ต.แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้ที่ห้างหุ้นส่วนอายาเซอร์วิส อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปาย ระบุว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้ขอความร่วมมือในการเข้าจับกุมบุคคลดังกล่าว ทาง ดีเอสไอ มีข้อมูลว่านายชาติชาย ธรรมชาติร่วมรื่น เป็นชาวเกาหลีเหนือ ได้หลบเข้ามาอยู่ในพื้นที่อำเภอปาย โดยสวมบัตรประจำตัวประชาชน ที่ออกให้โดยอำเภอแก่งคอย จ.สระบุรี และมีข้อว่าบุคคลดังกล่าวได้นำชาวเกาเหนือ ลี้ภัยโดยผ่านประเทศไทยไปเกาหลีใต้ โดยมีธุรกิจที่อำเภอปายเปิดบริการรถตู้ วิ่งระหว่างอำเภอปาย –เชียงใหม่ และเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวเช่ารถจักยานยนต์ท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอปาย บังหน้า
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ได้เข้าจับกุมบุคคลดังกล่าวได้นำตัวเข้าไปยังเชียงใหม่เพื่อเดินทางต่อเข้ากรุงเทพฯ ทันที
ทั้งนี้ การหลบหนีเข้าเมืองชาวเกาหลีเหนือเข้าประเทศไทย ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนับจากปี 2546 เป็นต้นมา ช่องทางหนึ่ง จะเป็นการหลบหนีผ่านแดนมาทางสิบสองปันนา มาขึ้นเรือเร็วบริเวณท่าเรือกวนเหล่ย ทางตอนใต้สุดของมณฑลยูนนาน ต่อจากนั้นจะมีเรือเร็ว หรือ ปีดโบ๊ตมารับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง ถึงสามเหลี่ยมทองคำ เมื่อมาถึงจะขึ้นฝั่งในเขตท้องที่อ.เชียงแสน
อีกช่องทางหนึ่ง จะโดยสารมากับเรือสินค้าซึ่งเป็นเรือใหญ่ และเมื่อเดินทางมาใกล้ชายแดนไทย จะแวะพักบริเวณหมู่บ้านในเขต สปป.ลาว ต่อจากนั้นจะมีผู้จัดหาเรือเร็วติดธงชาติลาวมารับ เพื่อนำส่งขึ้นฝั่งในเขตอ.เชียงแสนต่อ
หน่วยงานเกี่ยวข้องเชื่อมั่น 100% ว่า ต้องมีขบวนการช่วยเหลือแน่นอน หากแต่ว่า ยังเป็นกลุ่มขบวนการที่อยู่นอกประเทศ เพราะทันทีที่คนเหล่านั้นเหยียบแผ่นดินไทยแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ขบวนการใต้ดินมาช่วยอีกต่อไป เพราะกลไกกฎหมายเปิดให้คนเหล่านั้นสามารถยื่นขอลี้ภัยไปยังประเทศที่สามได้อยู่แล้ว
นอกจากนี้ ทุกหน่วยยังยืนยันตรงกันอีกว่า ยังมีชาวเกาหลีเหนือที่หลบหนีเข้าสู่จีน ในหลายปีที่ผ่านมา ไม่น้อยกว่า 2-4 แสนคน ที่พร้อมจะลักลอบเข้าไทยตลอดเวลา เพื่อหาทางไปยังประเทศที่ 3 ต่อ หรืออาจจะหาช่องทางปักหลักในประเทศไทย เหมือนกับกรณีที่มีการสวมบัตรประชาชนของนายชาติชาย ธรรมชาติรื่นรมย์ ที่จับกุมได้ในวันนี้ด้วย
วันนี้ (6 ส.ค.) พ.ต.ต. ธนู อินทร์พรหม สว.สป.สภ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ดี เอส ไอ เข้าจับตัวชาวเกาหลี 1 ราย ที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด อายาเซอร์วิส อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ที่ได้สวมบัตรประจำตัวประชาชนชื่อ นายชาติชาย ธรรมชาติร่มรื่น อยู่บ้านเลขที่ 11 / 2 ถนนมิตรภาพ ต.แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้ที่ห้างหุ้นส่วนอายาเซอร์วิส อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปาย ระบุว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้ขอความร่วมมือในการเข้าจับกุมบุคคลดังกล่าว ทาง ดีเอสไอ มีข้อมูลว่านายชาติชาย ธรรมชาติร่วมรื่น เป็นชาวเกาหลีเหนือ ได้หลบเข้ามาอยู่ในพื้นที่อำเภอปาย โดยสวมบัตรประจำตัวประชาชน ที่ออกให้โดยอำเภอแก่งคอย จ.สระบุรี และมีข้อว่าบุคคลดังกล่าวได้นำชาวเกาเหนือ ลี้ภัยโดยผ่านประเทศไทยไปเกาหลีใต้ โดยมีธุรกิจที่อำเภอปายเปิดบริการรถตู้ วิ่งระหว่างอำเภอปาย –เชียงใหม่ และเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวเช่ารถจักยานยนต์ท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอปาย บังหน้า
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ได้เข้าจับกุมบุคคลดังกล่าวได้นำตัวเข้าไปยังเชียงใหม่เพื่อเดินทางต่อเข้ากรุงเทพฯ ทันที
ทั้งนี้ การหลบหนีเข้าเมืองชาวเกาหลีเหนือเข้าประเทศไทย ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนับจากปี 2546 เป็นต้นมา ช่องทางหนึ่ง จะเป็นการหลบหนีผ่านแดนมาทางสิบสองปันนา มาขึ้นเรือเร็วบริเวณท่าเรือกวนเหล่ย ทางตอนใต้สุดของมณฑลยูนนาน ต่อจากนั้นจะมีเรือเร็ว หรือ ปีดโบ๊ตมารับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง ถึงสามเหลี่ยมทองคำ เมื่อมาถึงจะขึ้นฝั่งในเขตท้องที่อ.เชียงแสน
อีกช่องทางหนึ่ง จะโดยสารมากับเรือสินค้าซึ่งเป็นเรือใหญ่ และเมื่อเดินทางมาใกล้ชายแดนไทย จะแวะพักบริเวณหมู่บ้านในเขต สปป.ลาว ต่อจากนั้นจะมีผู้จัดหาเรือเร็วติดธงชาติลาวมารับ เพื่อนำส่งขึ้นฝั่งในเขตอ.เชียงแสนต่อ
หน่วยงานเกี่ยวข้องเชื่อมั่น 100% ว่า ต้องมีขบวนการช่วยเหลือแน่นอน หากแต่ว่า ยังเป็นกลุ่มขบวนการที่อยู่นอกประเทศ เพราะทันทีที่คนเหล่านั้นเหยียบแผ่นดินไทยแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ขบวนการใต้ดินมาช่วยอีกต่อไป เพราะกลไกกฎหมายเปิดให้คนเหล่านั้นสามารถยื่นขอลี้ภัยไปยังประเทศที่สามได้อยู่แล้ว
นอกจากนี้ ทุกหน่วยยังยืนยันตรงกันอีกว่า ยังมีชาวเกาหลีเหนือที่หลบหนีเข้าสู่จีน ในหลายปีที่ผ่านมา ไม่น้อยกว่า 2-4 แสนคน ที่พร้อมจะลักลอบเข้าไทยตลอดเวลา เพื่อหาทางไปยังประเทศที่ 3 ต่อ หรืออาจจะหาช่องทางปักหลักในประเทศไทย เหมือนกับกรณีที่มีการสวมบัตรประชาชนของนายชาติชาย ธรรมชาติรื่นรมย์ ที่จับกุมได้ในวันนี้ด้วย
