หนองคาย - สสจ.หนองคาย แนะเลี่ยงรับประทานอาหารปนเปื้อนเชื้อราและอาหารปลาดิบ ป้องกันโรคมะเร็งตับ
นายแพทย์อิทธิพล สูงแข็ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งตับจำนวนมาก โดยโรคมะเร็งตับที่พบมากในประชาชนภาคอีสานและภาคเหนือ ได้แก่ โรคมะเร็งตับในท่อน้ำดี ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่แพทย์ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตับ มักจะเป็นในระยะสุดท้าย และมักเสียชีวิตอย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 3-6 เดือน มักพบว่าผู้ที่รับประทานอาหรปนเปื้อนเชื้อราที่มีสารอะฟลาทอกซิน เช่น ถั่วลิสงแห้งป่น พริกป่น พริกแห้ง ปลาแห้ง กุ้งแห้ง ผู้ที่ชอบรับประทานปลาดิบ เช่น ปลาตะเพียน ปลาขาว ปลาสร้อย ปลาซิว และผู้ที่มีประวัติการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งตับสูง
ทั้งนี้ โรคมะเร็งตับสามารถป้องกันได้โดยวิธีการดูแลตนเอง หมั่นออกกำลังกายประจำสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่รับประทานอาหารที่มีสารอะฟลาทอกซิน ไม่รับประทานปลาดิบหรือปลาที่ปรุงสุกๆ ดิบๆ เพราะอาจมีพยาธิใบไม้ในตับแบบมะเร็งท่อน้ำดี ควบคุมตัวเองไม่ให้เป็นโรคอ้วนลงพุง
โดยจะทำให้เป็นโรคเบาหวาน เป็นโรคตับอักเสบจากไขมันในตับและเป็นมะเร็งตับในที่สุด ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากติดต่อกันเป็นเวลานาน ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ใช้ถุงยางอนามัย ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ พบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตับอย่างสม่ำเสมอ ทุก 6 เดือน ซึ่งวิธีการดังกล่าวสามารถลดความเสี่ยงจากโรคตับและโรคมะเร็งตับได้
นายแพทย์อิทธิพล สูงแข็ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งตับจำนวนมาก โดยโรคมะเร็งตับที่พบมากในประชาชนภาคอีสานและภาคเหนือ ได้แก่ โรคมะเร็งตับในท่อน้ำดี ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่แพทย์ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตับ มักจะเป็นในระยะสุดท้าย และมักเสียชีวิตอย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 3-6 เดือน มักพบว่าผู้ที่รับประทานอาหรปนเปื้อนเชื้อราที่มีสารอะฟลาทอกซิน เช่น ถั่วลิสงแห้งป่น พริกป่น พริกแห้ง ปลาแห้ง กุ้งแห้ง ผู้ที่ชอบรับประทานปลาดิบ เช่น ปลาตะเพียน ปลาขาว ปลาสร้อย ปลาซิว และผู้ที่มีประวัติการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งตับสูง
ทั้งนี้ โรคมะเร็งตับสามารถป้องกันได้โดยวิธีการดูแลตนเอง หมั่นออกกำลังกายประจำสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่รับประทานอาหารที่มีสารอะฟลาทอกซิน ไม่รับประทานปลาดิบหรือปลาที่ปรุงสุกๆ ดิบๆ เพราะอาจมีพยาธิใบไม้ในตับแบบมะเร็งท่อน้ำดี ควบคุมตัวเองไม่ให้เป็นโรคอ้วนลงพุง
โดยจะทำให้เป็นโรคเบาหวาน เป็นโรคตับอักเสบจากไขมันในตับและเป็นมะเร็งตับในที่สุด ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากติดต่อกันเป็นเวลานาน ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ใช้ถุงยางอนามัย ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ พบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตับอย่างสม่ำเสมอ ทุก 6 เดือน ซึ่งวิธีการดังกล่าวสามารถลดความเสี่ยงจากโรคตับและโรคมะเร็งตับได้