ศรีสะเกษ - หลวงปู่เครื่อง สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดสระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ เกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคอีสาน มรณภาพแล้ว ด้วยสิริอายุ 99 ปี เตรียมขอพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ
วันนี้ (28 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 02.15 น.ที่ตึกสงฆ์พระโพธิญาณเถระ (ชา สุภัทโท) โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี หลวงปู่เครื่อง สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดสระกำแพงใหญ่ ต.กำแพง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ เกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคอีสาน ซึ่งเข้ารักษาอาการอาพาธหลายโรค นานกว่า 2 เดือน ได้มรณภาพด้วยอาการสงบ ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของบรรดาลูกศิษย์ที่เฝ้าอาการอาพาธอยู่เป็นจำนวนมาก
พระมหาชัชวาลย์ โอภาโส เปรียญธรรม 9 ประโยค รองเจ้าอาวาสวัดสระกำแพงใหญ่ ลูกศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่เครื่อง เปิดเผย ว่า หลวงปู่เครื่อง ได้เข้าพักรักษาอาการอาพาธ ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี หลังวันวิสาขบูชา 1 วัน จากนั้นก็ได้อยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดโดยตลอด เนื่องจากหลวงปู่เครื่องอายุมากถึง 99 ปีแล้ว และ อาพาธหลายโรคทั้ง โรคไต โรคปอดติดเชื้อ และโรคความดันโลหิตสูง
โดยขณะที่พักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลหลวงปู่เครื่องได้ฝากฝังกับคณะศิษยานุศิษย์ ขอให้ช่วยกันสร้างพุทธวิหารหลวงพ่อนาคปรกใหญ่ที่สุดในโลก หน้าตักกว้าง 299 นิ้ว ซึ่งคาดว่า ต้องใช้เงินประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมสำหรับพุทธศาสนิกชนชาวศรีสะเกษและชาวไทยทั่วประเทศ
ส่วนการประกอบพิธีทางศาสนานั้น จะนำศพของหลวงปู่เครื่องมาตั้งไว้ที่กุฏิของหลวงปู่เครื่อง ที่วัดสระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ เบื้องต้นนี้จะใช้เวลาในการตั้งบำเพ็ญกุศลประมาณ 7 วันก่อน จากนั้นจึงจะหารือกับคณะกรรมการวัดและคณะศิษยานุศิษย์ว่าจะดำเนินการอย่างไร
สำหรับส่วนพิธีสรงน้ำศพนั้น ขณะนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ ได้เดินทางไปยังกรุงเทพฯ เพื่อขอพระราชทานน้ำหลวงสรงศพของหลวงปู่เครื่องแล้ว และจะได้กำหนดการพิธีสรงน้ำศพต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ว่า หลวงปู่เครื่อง สุภัทโท (นามสกุลเดิม ประถมบุตร) นั้น เกิดเมื่อวันที่ 15 ก.ค.2453 ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 8 ปีจอ ภูมิลำเนาเดิม อยู่ที่บ้านค้อ ต.กำแพง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ เป็นบุตรคนที่ 4 ของ นายสอน ประถมบุตร และ นางยม ประถมบุตร ซึ่งมีบุตรด้วยกันทั้งหมด 14 คน เสียชีวิต 6 คน ยังมีชีวิตอยู่ 8 คน พออายุได้ 19 ปี ได้ขอลาพ่อแม่ออกบวชเป็นสามเณร แต่ไม่ได้รับอนุญาต ครั้นต่อมาอายุได้ 21 ปี ก็ได้ขอลาบวชเป็นพระ ซึ่งครั้งนี้พ่อของหลวงปู่ไม่ได้ขัดข้องแต่ประการใด
อย่างไรก็ตาม หลวงปู่บวชได้เพียงครึ่งเดือน โยมแม่ได้เสียชีวิตลง ทางญาติพี่น้องขอร้องให้หลวงปู่สึกออกมาเลี้ยงน้อง แต่หลวงปู่ได้ปรึกษากับพระผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือประกอบกับการเบื่อเพศฆราวาส จึงได้ตัดสินใจอยู่ในเพศบรรพชิต และบวชเรียนมาตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา
กระทั่งปี 2481 หลวงปู่เครื่องได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดพงษ์พรต ต.หนองกว้าง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ อยู่ได้ 11 พรรษา
จากนั้นได้ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดสระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ในปี 2494 จนปัจจุบัน ในระหว่างที่หลวงปู่เครื่องดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระกำแพงใหญ่นั้น ได้ก่อตั้งสำนักเรียนบาลีและนักธรรมขึ้น โดยร่วมกับพระมหาอินทร์ สีลวโส (พระครูวิกรม ธรรมโสภณ) เจ้าคณะ อ.ปรางค์กู่ ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่ฝ่ายปริยัติธรรม
หลวงปู่เครื่อง ถือเป็นพระนักวิปัสสนา เน้นการปฏิบัติธรรม หลวงปู่เครื่องจึงได้พัฒนาวัดสระกำแพงใหญ่ให้เจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด จนเป็นที่เคารพศรัทธาแก่ชาวบ้าน และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรืออยู่ไกล ได้มีความเคารพเลื่อมใสและศรัทธาในหลวงปู่เครื่องเป็นอย่างมาก