ศูนย์ข่าวศรีราชา - แก๊งวัยรุ่นพัทยา เหิมหนักไล่ยิงคู่อริกลางเมือง กระสุนพลาดถูกรถชาวบ้าน และประชาชนที่อยู่ริมทางจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
วันนี้ (27 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีวัยรุ่นใช้อาวุธปืนไล่ยิงกันที่บริเวณหน้าร้านข้าวต้มจอมพลัง ถนนสายสามพัทยากลาง หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีรถยนต์ได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส
จากการตรวจสอบที่จุดเกิดเหตุ พบปลอกกระสุนอาวุธปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่ตามพื้นถนน จำนวน 3 ปลอก ใกล้พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีเขียว ทะเบียน กย 5535 ชลบุรี ที่ตัวรถถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 9 มม.จนเป็นรูได้รับความเสียหายจำนวน 6 นัด
สอบสวน น.ส.ปณิชา เกียรติวนากร อายุ 28 ปี เจ้าของรถยนต์คันดังกล่าวให้การเบื้องต้นว่าในเวลาที่เกิดเหตุนั้น ได้มานั่งกินข้าวต้มอยู่ที่ร้านโดยจอดรถเอาไว้ที่ริมทาง จนกระทั่งมีชายวัยรุ่นจำนวน 4 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์แบบผู้หญิง 2 คัน ขับไล่ติดตามรถยนต์ปิกอัพ ยี่ห้อ โตโยต้า สีบรอนซ์-ทอง ไม่ทราบทะเบียน ที่ขับมาด้วยความเร็วมุ่งหน้าไปทางสี่แยกไฟแดงถนนสายสามพัทยากลาง ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้นจำนวนหลายนัด
เมื่อเสียงปืนเงียบลงจึงออกมาตรวจสอบ พบว่า ที่ตัวรถถูกกระสุนจนเป็นรูได้รับความเสียหาย และภายในร้านมีคนถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บสาหัส ทราบชื่อ นายธัญศิษฎ์ ศุภรสหัสรังสี อายุ 26 ปี ถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่บริเวณใต้รักแร้ข้างขวา 1 นัด อาการสาหัส
ในเวลาต่อมาทางเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า มีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ที่บริเวณตรงข้ามกับห้างฟู๊ดแลนด์ซุปเปอร์มาเก็ต ถนนพัทยากลาง หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ในที่เกิดเหตุพบรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน ฮฉ 78 กทม.ที่ตัวรถมีร่องรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืนจำนวน 2 แห่ง
ตรวจสอบภายในตัวรถพบมีคราบเลือดกองอยู่จำนวนมาก ส่วนคนเจ็บทราบชื่อ นายประเสริฐศักดิ์ คำทรัพย์ อายุ 32 ปี ถูกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ยิงเข้าที่ต้นขาข้าวขวา 1 นัด โดย นายประเสริฐศักดิ์ ให้การว่า ขณะจอดทำความสะอาดรถอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ ก็มีเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 3 นัด ก่อนจะถูกลูกกระสุนปืนเข้าที่ขาจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
สาเหตุเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่คาดว่า น่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นคู่อริที่ไล่ติดตามมีเรื่องทะเลาะกันและใช้อาวุธปืนไล่ยิงกันจนกระสุนพลาดไปถูกรถยนต์ ที่จอดตามริมทางเสียหายและทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้ทำการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมทั้งเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป