ศูนย์ข่าวศรีราชา -กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดสระแก้ว ร่วมกับองค์กรประชาธิปไตยภาคประชาชน (อปช.สระแก้ว) เตรียมเปิดเวทีอารยะขัดขืน ชำแหละนักการเมืองโกงกินกลางถนน พร้อมวางพวงหรีดหน้ากงสุลเขมรไว้อาลัย ครม.หุ่นเชิด แฉ ขออนุญาตเทศบาลมืองอรัญประเทศ จัดกิจกรรมให้แสงสว่างประชาชนแต่กลับถูกปฏิเสธ
“ผู้จัดการออนไลน์” ได้ข้อมูลจาก นายอัมรินทร์ ยี่เฮง เลขาธิการองค์กรประชาธิปไตยภาคประชาชน จังหวัดสระแก้ว หรือ อปช.สระแก้ว ว่า ในวันพฤหัสที่ 17 กรกฎาคม 2551 ทาง อปช.และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดสระแก้ว กำหนดจัดกิจกรรมเปิดเวทีให้แสงสว่างทางปัญญา โดยที่ผ่านมาได้ขออนุญาตจากเทศบาลเมืองอรัญประเทศ ในการเปิดเวทีจัดกิจกรรมบริเวณหน้าพระสยามเทวาธิราช แต่ทว่าถูกเจ้าหน้าที่ข้าราชการท้องถิ่นปฏิเสธไม่ยินยอมให้จัดกิจกรรมบริเวณดังกล่าวแต่อย่างใด จึงมีแนวคิดอารยะขัดขืนโดยจะทำการเปิดเวทีดำเนินกิจกรรม บริเวณกลางถนนหน้าพระสยามเทวาธิราชแทน
ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวคาดว่าจะได้รับความสนใจจากประชาชน พ่อค้า แม่ค้า นักเรียนและนักศึกษาจากอำเภอเมือง, ตาพญา, โคกสูง, วังน้ำเย็น, วังสมบูรณ์, คลองหาด และอีกหลายพื้นที่เข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 3,000 คน ซึ่งการดำเนินการจัดกิจกรรมดังกล่าวจะเริ่มในเวลาประมาณ 16.00 น.ซึ่งจะมีการปราศัยในประเด็นด้านการเมืองต่างๆ เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง ทั้งเรื่องการสูญเสียปราสาทพระวิหาร เรื่องการที่ ครม.พยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของนักการเมืองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น
ทั้งนี้ หวังให้ประชาชนที่ไม่สามารถเดินทางไปร่วมชุมนุม เพื่อรับฟังข้อมูลที่แท้จริงในการชุมนุมขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ กรุงเทพมหานคร ของ 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้รับรู้ข่าวสารความเป็นจริงเพื่อที่จะได้ไม่มืดบอดทางปัญญาอีกต่อไป ตลอดจนได้รับรู้ถึงความชั่วร้าย และผลประโยชน์ทับซ้อนของนักการเมืองท้องถิ่นใน “ตระกูลเทียนทอง” ให้ได้รับทราบกันอย่างกว้างขวาง หลังถูกปิดกั้นข่าวสารมานานแสนนาน
นายอัมรินทร์ เผยด้วยว่า ในวันต่อมา คือ วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม 2551 ผู้เข้าร่วมชุมนุมทั้งหมดจะออกเดินทางไปยังที่ทำการสำนักงานสถานกงสุลใหญ่แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา บริเวณบ้านคลองลึก ห่างจากตลาดโรงเกลือประมาณ 400 เมตร เพื่อวางพวงหรีดไว้อาลัยแก่ ครม.ขายชาติ ทั้งของประเทศไทย และ ครม.ของประเทศกัมพูชา เพื่อให้ชาวกัมพูชาได้รับรู้ถึงพฤติกรรมความฉ้อฉลของนักการเมืองทั้งสองประเทศ ที่เอาเปรียบประชาชนสองแผ่นดิน จนเป็นชนวนเหตุ ที่อาจจะทำให้ผู้ที่ทำมาหากินอยู่บริเวณดังกล่าวเกิดความขัดแย้งทางความคิด ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิดความไม่เข้าใจกันในที่สุด
“ผู้จัดการออนไลน์” ได้ข้อมูลจาก นายอัมรินทร์ ยี่เฮง เลขาธิการองค์กรประชาธิปไตยภาคประชาชน จังหวัดสระแก้ว หรือ อปช.สระแก้ว ว่า ในวันพฤหัสที่ 17 กรกฎาคม 2551 ทาง อปช.และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดสระแก้ว กำหนดจัดกิจกรรมเปิดเวทีให้แสงสว่างทางปัญญา โดยที่ผ่านมาได้ขออนุญาตจากเทศบาลเมืองอรัญประเทศ ในการเปิดเวทีจัดกิจกรรมบริเวณหน้าพระสยามเทวาธิราช แต่ทว่าถูกเจ้าหน้าที่ข้าราชการท้องถิ่นปฏิเสธไม่ยินยอมให้จัดกิจกรรมบริเวณดังกล่าวแต่อย่างใด จึงมีแนวคิดอารยะขัดขืนโดยจะทำการเปิดเวทีดำเนินกิจกรรม บริเวณกลางถนนหน้าพระสยามเทวาธิราชแทน
ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวคาดว่าจะได้รับความสนใจจากประชาชน พ่อค้า แม่ค้า นักเรียนและนักศึกษาจากอำเภอเมือง, ตาพญา, โคกสูง, วังน้ำเย็น, วังสมบูรณ์, คลองหาด และอีกหลายพื้นที่เข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 3,000 คน ซึ่งการดำเนินการจัดกิจกรรมดังกล่าวจะเริ่มในเวลาประมาณ 16.00 น.ซึ่งจะมีการปราศัยในประเด็นด้านการเมืองต่างๆ เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง ทั้งเรื่องการสูญเสียปราสาทพระวิหาร เรื่องการที่ ครม.พยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของนักการเมืองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น
ทั้งนี้ หวังให้ประชาชนที่ไม่สามารถเดินทางไปร่วมชุมนุม เพื่อรับฟังข้อมูลที่แท้จริงในการชุมนุมขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ กรุงเทพมหานคร ของ 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้รับรู้ข่าวสารความเป็นจริงเพื่อที่จะได้ไม่มืดบอดทางปัญญาอีกต่อไป ตลอดจนได้รับรู้ถึงความชั่วร้าย และผลประโยชน์ทับซ้อนของนักการเมืองท้องถิ่นใน “ตระกูลเทียนทอง” ให้ได้รับทราบกันอย่างกว้างขวาง หลังถูกปิดกั้นข่าวสารมานานแสนนาน
นายอัมรินทร์ เผยด้วยว่า ในวันต่อมา คือ วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม 2551 ผู้เข้าร่วมชุมนุมทั้งหมดจะออกเดินทางไปยังที่ทำการสำนักงานสถานกงสุลใหญ่แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา บริเวณบ้านคลองลึก ห่างจากตลาดโรงเกลือประมาณ 400 เมตร เพื่อวางพวงหรีดไว้อาลัยแก่ ครม.ขายชาติ ทั้งของประเทศไทย และ ครม.ของประเทศกัมพูชา เพื่อให้ชาวกัมพูชาได้รับรู้ถึงพฤติกรรมความฉ้อฉลของนักการเมืองทั้งสองประเทศ ที่เอาเปรียบประชาชนสองแผ่นดิน จนเป็นชนวนเหตุ ที่อาจจะทำให้ผู้ที่ทำมาหากินอยู่บริเวณดังกล่าวเกิดความขัดแย้งทางความคิด ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิดความไม่เข้าใจกันในที่สุด