“ชิงชัย” ชี้โทษรัฐบาลถึงขั้นประหารหากเสียดินแดน - ชมพันธมิตรฯ แฉกลโกงนักการเมืองช่วยกู้ชาติ

กาฬสินธุ์- “ชิงชัย มงคลธรรม” หน.พรรคความหวังใหม่ เตือนกรณีปัญหาเขาพระวิหารครั้งสุดท้าย หากไทยเสียดินแดน ถือว่ารัฐบาลขายชาติมีโทษถึงประหารชีวิต พร้อมย้ำแนวทางพันธมิตรตั้งเป้าแฉพฤติกรรมทุจริตนักการเมืองถือว่าเป็นการทำหน้าที่ที่ถูกต้องชี้อนาคตประเทศไทย หากรัฐบาลยังปล่อยให้เกิดความขัดแย้ง เชื่อจะเกิดความรุนแรงถึงขั้นนองเลือด

วันนี้ (1 ก.ค.) เวลา 11.30 น. ที่โรงแรมริมปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ พรรคความหวังใหม่ ได้เปิดประชุมสมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2551 โดยได้มีการรายงานกิจกรรมของพรรคและการตั้งเป้าหมายในการเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรคความหวังใหม่ ที่ยังคงอุดมการณ์ที่เน้นทำความเข้าใจต่อประชาชนในรูปแบบประชาธิปไตยที่จะต้องสร้างการเมืองใหม่และการดำเนินชีวิตด้วยแนวทางที่พอเพียง

โดยมี นายชิงชัย มงคลธรรม หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ แกนนำพรรคและสมาชิกพรรคเข้าร่วมประชุมจำนวน 500 คน พร้อมกับมีการลงคะแนนเลือกตั้งหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ ซึ่งก็ยังคงเป็น นายชิงชัย ยังคงเป็นหัวหน้าพรรคต่อไป

เตือนเหตุเขาพระวิหาร

นายชิงชัย มงคลธรรม หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ กล่าวว่า กรณีปัญหาเขาพระวิหาร จะกลายเป็นชนวนที่ก่อให้เกิดความรุนแรงทางการเมืองในอนาคตอันใกล้นี้ และอาจจะทำให้เกิดเหตุนองเลือดของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ เนื่องจากกรณีเข้าพระวิหาร จะทำให้คนไทยเกิดความรักสามัคคี

ในขณะที่รัฐบาลกลับทำงานที่สวนทางและยังมีความพยายามที่ชัดเจนว่า รัฐบาลต้องการที่จะยกเขาพระวิหารให้กับ ประเทศกัมพูชา โดยไม่คำนึงถึงเอกราชอำนาจอธิปไตย ในกรณีนี้จึงขอเตือนว่า หากเกิดการชี้ขาดว่า ประเทศกัมพูชา ได้เป็นเจ้าของเขาพระวิหารแถมยังได้ดินแดนไทยเข้าไปเป็นเจ้าของด้วย รัฐบาลนี้จะต้องรับผิดชอบ

โดยความรุนแรงในด้านกฎหมายนั้น ในมาตราที่ 1 ซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจนแล้ว หากมีพฤติกรรมขายชาติ จะมีโทษรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิต การรับคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญ จึงเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ยังเป็นโอกาสให้รัฐบาลได้ทำการ พิจารณาแล้วทำการยกเลิกหันมาสนใจในอำนาจอธิปไตย เพราะเหตุการณ์นี้เชื่อว่า เมื่อประเทศไทย เสียเขาพระวิหารให้กัมพูชา ก็จะต้องมีเหตุการณ์ที่รุนแรงอย่างแน่นอน

ชี้พันธมิตรฯ ทำถูกต้องแฉกลโกงนักการเมือง

หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ กล่าวถึงแนวทางของพันธมิตรฯที่ดำเนินการยุติการใช้เสียงบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเปิดช่องทางจราจรตามอำนาจของศาลนั้น ถือเป็นการกระทำที่เป็นสุภาพบุรุษ ซึ่งนับจากนี้ถึงแม้ว่าประชาชนจะแพ้รัฐบาลที่อ้างถึงผลลงคะแนนเสียงในสภาแต่เชื่อว่า

สำหรับประชาชนนั้นรัฐบาลชุดนี้ก็ยังคงเป็นรัฐบาลที่มีพฤติกรรมเผด็จการทางการเมือง และยังเป็นรัฐบาลที่คอยจะปกป้องนักการเมืองที่ทุจริต ซึ่งเห็นได้จากปัญหาราคาพืชผล ข้าวยาก หมากแพง จนทำให้คนไทยทั้งประเทศได้รับความเดือดร้อน

การเปิดช่องให้มีเวทีปราศรัย ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงถือเป็นเหตุการณ์ที่ดี ที่ได้มีการขุดคุ้ยนำเสนอปัญหาการคดโกงของนักการเมืองที่ทุจริต ซึ่งในเรื่องนี้ สำหรับการแก้ไขปัญหา ของประเทศ ซึ่ง ประชาชนไม่สามารถจะพึ่งทหารได้ ก็คงจะต้องรอให้สถานการณ์เกิดความสุกงอม จนเป็นแรงบีบระหว่างรัฐบาลเผด็จการกับรัฐบาลทหาร ที่จะมีกำลังของประชาชนเข้าร่วมต่อต้านเป็นจำนวนมาก

นายชิงชัย ยังได้ชี้แนวทางเอาไว้ว่า สำหรับหนทางเดียวในการแก้ไขปัญหา ก็คือการปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการเอาผิดกับนักการเมืองคดโกง จากนั้นก็ให้มีกระบวนการสร้างหลักการการเมืองใหม่ ที่จะต้องยุติบทบาทนักการเมืองซื้อเสียง แล้วทำลายกำแพงนักลงทุนพร้อมกับเก็บกวาดสิ่งไม่ดีในบ้านเมือง ก็จะทำให้สังคมไทยดีขึ้น