ศรีสะเกษ- แกนนำเครือข่ายอีสานกู้ชาติในฐานะประชาชนไทย เข้าแจ้งความจับชาวกัมพูชา บุกรุกเขตแดนไทยที่เชิงเขาพระวิหาร แล้วที่ “สภ.บึงมะลู” ระบุชัดเป็นชาวต่างชาติลักลอบเข้ามาในเขตราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต และแผ้วถางป่าในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ด้าน ตำรวจตั้ง “รอง ผบกภ.จว.ศรีสะเกษ” ดูแลคดี เร่งดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตาม กม.ต่อไป
วันนี้ (27 มิ.ย.) ที่ สภ.บึงมะลู ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายเศวต ทินกูล อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 (ส.ส.ร.) และผู้ประสานงานเครือข่ายอีสานกู้ชาติ (กู้แผ่นดิน) ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ทิพย์พงศ์ ทิพย์เกสร สวญ.สภ.บึงมะลู เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับกลุ่มชาวกัมพูชาที่บุกรุกเขตแดนไทยเข้ามาตั้งชุมนุมสร้างบ้านเรือน ร้านค้า วัด และถนน อยู่ที่บริเวณเชิงเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ในข้อหาเป็นชาวต่างชาติลักลอบเข้ามาในเขตราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและแผ้วถางป่าในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ทั้งนี้ เนื่องจากตามแผนที่ประเทศไทย ระบุว่า บริเวณดังกล่าวเป็นเขตแดนของประเทศไทยอย่างชัดเจน ซึ่ง พ.ต.ท.ทิพย์พงศ์ ได้รับแจ้งความไว้
นายเศวต กล่าวว่า ตนในฐานะประชาชนชาวไทยคนหนึ่งได้รับทราบความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาอยู่ในเขตแดนไทยที่บริเวณเชิงเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จากสื่อสารมวลชนทุกแขนง ดังนั้น ในวันนี้จึงได้เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บริเวณเชิงเขาพระวิหารแล้ว พบว่า ชาวกัมพูชาบุกรุกเขตแดนไทยอย่างชัดเจน เนื่องจากบริเวณเชิงเขาพระวิหารเป็นเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ ตามประกาศอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช
“ปัญหานี้ยืดเยื้อมานานแล้วและไม่มีส่วนราชการใดที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการแก้ไขในเรื่องนี้ ดังนั้น ในฐานะประชาชนไทยจึงได้มาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ให้เข้าจับกุมชาวกัมพูชาที่บุกรุกเขตแดนไทยเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายและผลักดันออกจากราชอาณาจักรไทยตามขั้นตอนต่อไป” นายเศวต กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ทิพย์พงศ์ กล่าวว่า ได้รับแจ้งความในเรื่องนี้ไว้แล้ว และจะได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยในเรื่องนี้ได้รายงานให้ พล.ต.ต.พินิจ แฝงยงค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ศรีสะเกษ ทราบแล้ว ซึ่ง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.วัฒนา เงินหมื่น รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ เป็นผู้ควบคุมดูแลคดีนี้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะได้ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป