ฉะเชิงเทรา - เกิดเหตุเพลิงไหม้บนเรือบรรทุกถ่านหิน ที่ท่าเรือเกษตรรุ่งเรือง ทำชาวบ้านแตกตื่นหวั่นเกิดมลภาวะอันตราย ขณะผู้เกี่ยวข้องแจงเป็นเพียงการครุกรุ่นของถ่านหินที่สะสมความร้อน จนเกิดปฏิกิริยาการสันดาบแล้วลุกไหม้
วันนี้ (27 มิ.ย.) เวลา 14.00 น.นางประเสริฐ จิราวัลย์ อายุ 52 อยู่บ้านเลขที่ 137 ม.10 ต.บางปะกง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ได้มองเห็นเพลิงลุกไหม้อยู่บนเรือบรรทุกถ่านหิน ที่บริเวณท่าเทียบเรือสินค้าของ กลุ่มบริษัท เครือเกษตรรุ่งเรือง จำกัด หรือดับเบิ้ลเอ ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 57 ม.11 ต.บางปะกง จนทำให้เกิดเป็นกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจนทั่วบริเวณ และส่งกลิ่นเหม็นไหม้ จนแสบตาและจมูก จึงทำให้ชาวบ้านหวั่นเกรงว่าจะได้รับอันตรายจากมลพิษที่เกิดขึ้น จึงได้แจ้งให้ทางเทศบาลท้องถิ่นทราบ และเข้าไปทำการตรวจสอบมลพิษที่เกิดขึ้นที่เรือบรรทุกถ่านหิน
สำหรับที่เกิดเหตุเป็นโกดังเก็บพักถ่านหินขนาดใหญ่ ที่ปลูกสร้างเรียงรายอยู่หลายสิบหลัง บนเนื้อที่ประมาณกว่า 70 ไร่ ภายในมีกองถ่านหินขนาดมหึมาคล้ายดั่งภูเขา ถูกเก็บไว้อยู่เต็มภายในทุกโรงของอาคาร โดยด้านข้างของโรงงานติดกับริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง ซึ่งถูกก่อสร้างใช้ทำเป็นท่าเทียบเรือสำหรับขนส่งสินค้าประเภทถ่านหิน และไม้ยูคาบด รวมทั้งรับจ้างขึ้นสินค้าประเภทเดียวกันให้กับผู้ประกอบการลูกค้ารายอื่นๆ ด้วย
จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระดับสูงภายในท่าเทียบเรือดังกล่าว ซึ่งไม่ยินยอมเปิดเผยชื่อ บอกว่า เรือลากจูงลำที่เกิดการคุกรุ่น จนเกิดการลุกไหม้ของถ่านหิน และทำให้เกิดกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาปกคลุมทั่วบริเวณนั้น ไม่ใช่เรือขนส่งสินค้าของ บริษัท เครือเกษตรรุ่งเรือง แต่เป็นของลูกค้า คือ บริษัท เพรสซิเด้นท์ เคมีคอล จำกัด ที่ได้ไปรับการขนถ่ายถ่านหินมาจากเรือบรรทุกสินค้าน้ำลึก ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และได้ลากมาเพื่อต้องการจะนำถ่านหินมาขึ้นฝั่งที่ท่าเรือแห่งนี้ ซึ่งถ่านหินทั้งหมดนำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย
โดยกลุ่มควันที่ครุกรุ่น เป็นเพียงการเกิดปฏิกิริยาการสันดาป ลุกไหม้ของถ่านหิน ที่สะสมความร้อนระอุอยู่ภายตัว และได้รับอ็อกซิเจนจากน้ำเข้าไปมากในระดับที่เหมาะสม จึงเกิดการลุกติดขึ้นมา หลังเกิดเหตุได้ใช้นำฉีดสกัดการคุกรุ่น พร้อมเครื่องกลหนัก (แบ็กโฮ) ตักคุ้ย จนไฟได้ดับลงแล้ว ก่อนที่จะให้เจ้าของเรือลาก นำออกไปจากท่าทั้ง 4 ลำแล้ว
ขณะที่ นายประเสริฐ คงคาลัย นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลบางปะกง ซึ่งได้เดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมคณะบริหารงานเทศบาล และกลุ่มชาวบ้าน กล่าวว่า หลังจากนี้ จะได้ให้ชาวบ้านผู้ที่ได้รับผลกระทบ และเดือดร้อน จากมลพิษที่เกิดขึ้นทั้งชุมชนตลาดบางปะกง ทำหนังสือร้องเรียนมายังเทศบาล จากนั้นทางเทศบาลจะได้ทำหนังสือ ส่งไปยังสำนักงานสิ่งแวดล้อมจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้เข้ามาดำเนินการตรวจสอบต่อไป