ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชลบุรีป่วน เกิดเหตุรถก๊าซเอ็นจีวีขนาดใหญ่พลิกคว่ำกลางโค้งบนถนนสายสุขุมวิท ขาเข้าชลบุรี ประชาชนหนีตาย หวั่นหลังถังรั่ว
วันนี้ (16 มิ.ย.51) ร.ต.ท.นิธิศ ทองดี ร้อยเวร สภ.เมืองชลบุรี รับแจ้งว่ามีรถบรรทุกแก๊ส NGV ยี่ห้อวอลโว่ หัวขาว หมายเลขทะเบียนหน้ารถ 77-8517 กรุงเทพฯ หมายเลขทะเบียนหลังรถ 97-9161 กรุงเทพฯ พลิกคว่ำ ริมถนนสายสุขุมวิท บางนาตราด ขาเข้าชลบุรี มุ่งหน้าถนนเลี่ยงเมือง สายบายพาสสะพานหนองไม้แดง และมีก๊าซรั่วอย่างหนัก ต้องทำการปิดการจราจรอย่างเร่งด่วนเกรงว่า ก๊าซจะเกิดประกายไฟ ทำให้ระเบิดได้
หลังจากที่ได้รับแจ้งแล้วเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยและหน่วยรถดับเพลิงกว่า5คันได้รุดไปยังที่เกิดเหตุทันที เพราะจะต้องรีบนำน้ำมารดให้รถบรรทุกก๊าซคันที่พลิกคว่ำดังกล่าวเพื่อไม่ให้อากาศที่กำลังร้อนนั้นเป็นสาเหตุให้ก๊าซที่กำลังรั่วไหลออกมาเกิดการ ลุกไหม้ได้
จากการตรวจสอบรถบรรทุกก๊าซคันดังกล่าวพบว่า นายสมควร ไกรพล อายุ 40 ปีอยู่บ้านเลขที่ 20 ซอยวัชรธรรมสาธิต 74 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯเจ้าหน้าที่คนขับรถบรรทุกก๊าซ ยี่ห้อ วอลโว่ หัวลาก สีขาว ทะเบียน 77-8517 กทม และส่วนหาง ทะเบียน 97-9161 กทม ของบริษัท เอสซี มาจากจังหวัด ระยอง เพื่อจะนำก๊าซมาส่งที่ บริษัท ปตท.พนัสนิคม หลังจากที่ได้ลงก๊าซไปเป็นบางส่วนแล้วจึงได้มุ้งหน้ากลับมาที่ชลบุรีอีกครั้งเพื่อจะนำก๊าซที่เหลือ ประมาณ 900 ปอนด์ มาส่งที่ ชลบุรีสันติสุข บายพาส ที่เป็นสถานีย่อยของ ปตท. เช่นกัน แต่ตนขับมาตามทางเป็นปกติ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ประกอบกับเป็นทางโค้ง ในระหว่างนั้นตนได้เห็นรถจักรยานยนต์ขับมุดซ้ายเข้ามาที่ข้างรถทำให้ตนตกใจเพราะเกรงว่าจะชนรถคันดังกล่าว
เนื่องจากตนได้เบียดชิดขอบทางแล้ว จึงได้ตัดสินโยกรถ อย่างกะทันหัน ทำให้รถที่ขับมานั้นเสียการทรงตัว แล้วส่วนหางสะบัดอย่างแรงทำให้รถบรรทุกก๊าซ ที่ตนขับมาพลิกคว่ำทันที และทำให้บริเวณถังที่ยังมีก๊าซเอ็นจีวี ที่เหลืออยู่ ตะเข็บถังเกิดชำรุดจนมีก๊าซรั่วออกมาอย่างแรง และฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ แต่นับว่าตนยังโชคดี ที่รู้ก่อนและไม่เกิดประกายไฟ มิฉะนั้น อาจจะทำให้บริเวณดังกล่าวเกิดประวัติซ้ำลอยอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าก๊าซที่อยู่ในรถบรรทุกนั้นจะมีเพียง 900 ปอนด์ ก็ตามก็ทำให้เกิดความเสียหายเป็นบริเวณวงกว้างได้เช่นกัน
นายคมสัน เอกชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี หลังได้รับรายงานได้รีบเดินทางมาดูที่เกิดเหตุทันที พร้อมกับฟังการรายงานของเจ้าหน้าที่ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านก๊าซธรรมชาติ ของบริษัท ปตท.โดยตรง ซึ่งมี นายธีรพงศ์ กฤษฎาธีระ มาควบคุม เจ้าหน้าที่ทำงาน ด้านความปลอดภัยกับรถที่บรรทุกก๊าซ คันที่เกิดเหตุ และนายณัฐชาติ จารุจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของบริษัท ปตท. มาชีแจงถึงความปลอดภัยระบบก๊าซเอ็นจีวี ว่าก๊าซเอ็นจีวีที่ทางบริษัทบรรทุกมานั้น จะมีอันตรายหากเกิดประกายไฟ แต่ก็ไม่เหมือนแก็สหุงต้ม หรือ เอพีจี จะต่างกันตรงที่ ก๊าซ เอ็นจีวีนั้นมีน้ำหนักเบากว่า และจะระเหิดไปในอากาศได้เร็วว่า ไม่เหมือนกับแก็สหุงต้มที่มีน้ำหนักมากและจะกระจายไปทั่วบริเวณที่สามารถจะไปได้และการระเหิดนั้นมีช้ากว่า เอ็นจีวี
ดังนั้น หากทางเจ้าหน้าที่เข้าใจในระบบก๊าซธรรมชาติแล้วก็จะง่ายกับการทำงาน และไม่เกิดปัญหาตามมา แต่ในครั้งนี้ทางบริษัทนั้นก็ยอมรับว่า จะต้องหามาตรการควบคุมการขับขี่ให้มายิ่งขึ้น หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีกก็จะเกิดอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน ส่วนก๊าซที่รั่วไหลออกมานั้นทางเจ้าหน้าที่คงจะต้องใช้น้ำเลี้ยงหล่อเย็นจนกว่าจะหมดถังแล้วถึงจะทำการยกรถได้ ส่วนในเรื่องค่าเสียหายนั้นตนยังให้การอะไรไม่ได้ต้องรอการตรวจสอบสิ้นสุดลงเสียก่อน