เชียงราย - กกต.เชียงราย เร่งเตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่รับมือ 2 ขั้วการเมือง เปิดศึกชิงเก้าอี้การเมืองท้องถิ่น 41 อปท.
นายอมรพงศ์ วิชิตะกุล ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง (ผอ.กต.) ประจำจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ในช่วงกลางปี 2551 กกต.เชียงราย ต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นปีแห่งการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่นจำนวนมาก ต่อเนื่องมาจากการเลือกตั้งเทศบาลนครเชียงราย และองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย โดยในเดือนกรกฎาคมจะมีการเลือกตั้งนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่หมดวาระพร้อมกัน จำนวน 41 แห่งทั่วจังหวัด ฝ่ายจัดการเลือกตั้ง กกต.เชียงราย จึงต้องหารือเตรียมความพร้อมรับการเลือกตั้งดังกล่าวตั้งแต่นี้
นายอมรพงศ์ กล่าวว่า ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน กกต.จะเรียกประชุมใหญ่สรรหากรรมการการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่น เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ประจำการเลือกตั้งทั้ง 41 แห่งที่หมดวาระ ต้องอบรมให้ความรู้ในการจัดการ และที่สำคัญในเรื่องการเฝ้าระวังสอดส่องการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง ที่จำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
“สนามเลือกตั้งจังหวัดเชียงราย มีการแข่งขันกันสูง การเมืองส่วนท้องถิ่นที่ล้วนแต่มีการอิงแอบกลุ่มการเมืองใหญ่กันทั้งสิ้น จึงส่งผลให้เกิดการแข่งขันกันจากผู้สมัครทีมต่างๆ เพื่อให้ได้รับชัยชนะ การแจกเงินซื้อเสียง การสัญญาว่าจะให้ หรือการจูงใจชนิดต่างๆ เพื่อให้ได้คะแนนเสียง จึงเป็นส่วนสำคัญ และเป็นจุดเริ่มของการทุจริต ที่จะต้องเสริมความรู้แก่คณะกรรมการการ ให้ตามทันคนกลุ่มนี้ให้ได้”
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า อบต.ทั้ง 41 แห่ง ที่จะหมดวาระในเดือนกรกฎาคมนี้ มีอดีตนายก อบต.ที่เป็นเครือข่ายของกลุ่มนักการเมืองใหญ่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเครือข่ายพรรคพลังประชาชน ที่สังกัดกลุ่ม ส.ส.เชียงราย ทั้ง 8 คน และอีกส่วนสังกัดพรรคพลังประชาชนสายตรงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รวมทั้งกลุ่มการเมืองตระกูล “จงสุทธนามณี” ในขั้วนางรัตนา จงสุทธนามณี นายก อบจ.เชียงราย นับว่าเป็นการเลือกตั้งที่น่าจับตา และเป็นการเลือกตั้งที่จะมีการแข่งขันกันสูง เพื่อแย่งชิงกาารครอบครองฐานเสียงการเมืองท้องถิ่นทั่วจังหวัดเชียงราย อีกครั้งหลังจากทั้งสองขั้วการเมือง เปิดศึกชิงฐานเสียงจากการเลือกตั้งเทศบาลนครเชียงราย และ อบจ.เชียงราย มาเมื่อเร็วๆ นี้
นายอมรพงศ์ วิชิตะกุล ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง (ผอ.กต.) ประจำจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ในช่วงกลางปี 2551 กกต.เชียงราย ต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นปีแห่งการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่นจำนวนมาก ต่อเนื่องมาจากการเลือกตั้งเทศบาลนครเชียงราย และองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย โดยในเดือนกรกฎาคมจะมีการเลือกตั้งนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่หมดวาระพร้อมกัน จำนวน 41 แห่งทั่วจังหวัด ฝ่ายจัดการเลือกตั้ง กกต.เชียงราย จึงต้องหารือเตรียมความพร้อมรับการเลือกตั้งดังกล่าวตั้งแต่นี้
นายอมรพงศ์ กล่าวว่า ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน กกต.จะเรียกประชุมใหญ่สรรหากรรมการการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่น เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ประจำการเลือกตั้งทั้ง 41 แห่งที่หมดวาระ ต้องอบรมให้ความรู้ในการจัดการ และที่สำคัญในเรื่องการเฝ้าระวังสอดส่องการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง ที่จำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
“สนามเลือกตั้งจังหวัดเชียงราย มีการแข่งขันกันสูง การเมืองส่วนท้องถิ่นที่ล้วนแต่มีการอิงแอบกลุ่มการเมืองใหญ่กันทั้งสิ้น จึงส่งผลให้เกิดการแข่งขันกันจากผู้สมัครทีมต่างๆ เพื่อให้ได้รับชัยชนะ การแจกเงินซื้อเสียง การสัญญาว่าจะให้ หรือการจูงใจชนิดต่างๆ เพื่อให้ได้คะแนนเสียง จึงเป็นส่วนสำคัญ และเป็นจุดเริ่มของการทุจริต ที่จะต้องเสริมความรู้แก่คณะกรรมการการ ให้ตามทันคนกลุ่มนี้ให้ได้”
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า อบต.ทั้ง 41 แห่ง ที่จะหมดวาระในเดือนกรกฎาคมนี้ มีอดีตนายก อบต.ที่เป็นเครือข่ายของกลุ่มนักการเมืองใหญ่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเครือข่ายพรรคพลังประชาชน ที่สังกัดกลุ่ม ส.ส.เชียงราย ทั้ง 8 คน และอีกส่วนสังกัดพรรคพลังประชาชนสายตรงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รวมทั้งกลุ่มการเมืองตระกูล “จงสุทธนามณี” ในขั้วนางรัตนา จงสุทธนามณี นายก อบจ.เชียงราย นับว่าเป็นการเลือกตั้งที่น่าจับตา และเป็นการเลือกตั้งที่จะมีการแข่งขันกันสูง เพื่อแย่งชิงกาารครอบครองฐานเสียงการเมืองท้องถิ่นทั่วจังหวัดเชียงราย อีกครั้งหลังจากทั้งสองขั้วการเมือง เปิดศึกชิงฐานเสียงจากการเลือกตั้งเทศบาลนครเชียงราย และ อบจ.เชียงราย มาเมื่อเร็วๆ นี้
