เชียงราย - ผู้ว่าฯเชียงรายสั่งนายอำเภอแม่สาย ตรวจสอบกรณีที่มีสาวชาวไทลื้อร้องถูกกลุ่มขบวนการต้มตุ๋น อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และนักข่าวทีวี.หลอกทำบัตรประจำชาวไทยภูเขา รวม 5 ราย เป็นเงิน 500,000 บาท
นายไตรสิทธิ์ สินสมบูรณ์ทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวเกี่ยวกับกรณีแก๊งต้มตุ๋นอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และนักข่าวโทรทัศน์ 2 ช่อง รีดเงินกลุ่มสาวชาวไทลื้อ 5 คน จำนวน 500,000 บาท ออกบัตรปลอม สำรวจชุมชนบนพื้นที่สูง (เขียวขอบแดง) ของกรมการปกครอง โดยผิดกฎหมายว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ที่จะเร่งปราบปรามอยู่แล้ว จึงได้สั่งให้นายอาณัติ วิทยานุกูล นายอำเภอแม่สาย เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงให้กระจ่างโดยเร็ว หากมีผู้เสียหายให้นำเข้ามาพบ เพื่อจะได้ชี้ตัวยืนยันให้ชัดเจน
เนื่องจากจังหวัดเชียงราย มีชาวต่างด้าวและชาวไทยภูเขาจำนวนมาก ที่ผ่านมา มักมีข่าวการไปหลอกลวงแรงงานต่างด้าวและชาวไทยภูเขาบางกลุ่มอ้างว่าจะวิ่งเต้นขอสัญชาติ หรือออกบัตรประจำตัวเพื่อออกนอกพื้นที่ไปหางานทำได้ ทำให้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมายและคนลักลอบเข้าเมืองยังไม่หมดไป กระทบต่อความมั่นคง ดังจะเห็นจากข่าวการจับกุมแรงงานต่างด้าวในหลายพื้นที่อยู่เนืองๆ บางครั้งเป็นข่าวใหญ่ที่มีแรงงานต่างด้าวเสียชีวิตในรถห้องเย็นนับร้อยศพ
ล่าสุด กระทรวงมหาดไทย ได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.สัญชาติ (4) พ.ศ.2551 ตามมาตรา 23 มีผลให้ บุตรของบุคคลต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทยก่อน ซึ่งถูกคำสั่งคณะปฏิวัติเมื่อปี 2515 ถอนสัญชาติจะมีโอกาสมายื่นขอพิจารณาสัญชาติไทยด้วย จึงต้องมีการความเข้มงวดในเรื่องนี้เต็มที่
ขณะที่ นายอาณัติ วิทนานุกูล นายอำเภอแม่สาย กล่าวว่า จากการติดตามเรื่องนี้พบว่า บัตรเขียวขอบแดง หรือบัตรประจำตัวชาวไทยภูเขาที่กลุ่มผู้ร้องเรียนระบุนั้น มีการตรวจสอบแล้วพบว่ามีการปลอมขึ้นนอกพื้นที่ แต่กลุ่มผู้ดำเนินการอยู่ในพื้นที่ อ.แม่สาย จริง แต่ทั้งนี้การสอบสวนไม่สามารถเดินหน้าไปได้ เนื่องจากผู้เสียหายระบุแค่เพียงชื่อย่อหรือชื่อเล่นเท่านั้น
“หากจะให้ได้ความต้องเข้ามาพบกับทางราชการเพื่อชี้ตัว ยืนยันว่า บุคคลที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นขบวนการนั้นเป็นใคร หน้าตาอย่างไร หรือให้เข้ามาแจ้งความดำเนินคดีก็ได้ เพราะว่าเรื่องเกิดมานานแล้ว หากไม่มีการระบุตัวหรือมีข้อมูลที่ชัดเจน กลุ่มผู้กระทำความผิดอาจลอยนวลได้”
ส่วนทางด้านตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ก็ได้มีการออกวิทยุสั่งการด่วนให้มีการตรวจสอบหาข้อมูล “สื่อ” ที่กระทำผิดกฎหมายในพื้นที่เชียงราย และให้รายงานข้อมูลขึ้นมายังกลุ่มงานสืบสวนภูธรจังหวัดเชียงราย เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หลังมีการเปิดโปงกลุ่มขบวนการนี้ ออกไปแล้วนั้น ล่าสุดพบว่าหน่วยงานทหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย ที่ลงพื้นที่ จ.เชียงราย มีการเรียกสอบสวนปากคำผู้ที่ถูกพาดพิง ซึ่งมี 4 คน คือ นางจันทร์ฉาย อดีตเป็นนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่แม่สาย,นางต้อย เป็น อส.ในพื้นที่และผู้ที่อ้างว่าเป็นนักข่าวทีวี 2 คน เป็นสามีภรรยากัน พื้นเพเป็นคนภาคใต้ แต่ช่วงเกิดเหตุประจำอยู่ อ.แม่สาย
ล่าสุด น.ส.ภาริดา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ราษฎรเผ่าไทยลื้อ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ผู้เสียหายกับพวก เตรียมนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา เพื่อจะให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายแล้ว และยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นขบวนการที่มีการแบ่งงานกันชัดเจน โดยชักชวน หลอกล่อ และมีการพาผู้เสียหายไปพิมพ์ลายนิ้วมือที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ก่อนมีการจ่ายเงินเป็นงวดๆ ละ 75,000 บาท,15,000,15,000 ทั้งหมด 5 คน รวมเป็นเงิน 500,000 บาท