มุกดาหาร- เกษตรกรในจังหวัดมุกดาหาร เริ่มตื่นตัวหันมาปลูกพืชพลังงานทดแทนเป็นจำนวนมาก ทั้งปาล์มน้ำมัน สบู่ดำ มันสำปะหลัง อ้อย เฉพาะมันสำปะหลังเกือบแสนไร่
นายบุญอุ้ม แคล้วโยธา นักวิชาการศูนย์บริการด้านพืช และปัจจัยการผลิตมุกดาหารกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ขณะนี้มีเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารหันมาสนใจปลูกพืชพลังงานทดแทนกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะปาล์มน้ำมัน สบู่ดำ มันสำปะหลัง และ อ้อย ถึงแม้พืชเศรษฐกิจอย่างยางพารา จะเข้ามาแบ่งสัดส่วนพื้นที่การปลูกไปบ้างแล้ว ซึ่งปัจจุบันพื้นที่การปลูกอ้อย ในจังหวัดจะลดน้อยลง เหลือเพียงไม่ถึง 50,000 ไร่ แต่พืชพลังงานทดแทนอย่างมันสำปะหลัง และ ปาล์มน้ำมัน กลับมีพื้นที่เพาะปลูกมากขึ้น
มันสำปะหลัง จากเดิมมีพื้นที่เพาะปลูกเพียง 60,000 ไร่ ปัจจุบันมีพื้นที่เพราะปลูกเพิ่มขึ้นถึงเกือบแสนไร่
ในขณะที่ปาล์มน้ำมันปัจจุบันมีการเพาะปลูกไปแล้วประมาณ 8,000 ไร่ และยังมีเกษตรกรสนใจยื่นความประสงค์จะขอปลูกปาล์มน้ำมันเพิ่มอีก จำนวน 260 ราย คิดเป็นเนื้อที่กว่า 1,700 ไร่
ขณะนี้ศูนย์บริการด้านพืชและปัจจัยการผลิตมุกดาหาร จะได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร ออกตรวจสอบพื้นที่ของเกษตรกร ที่ขอเข้าร่วมโครงการปลูกปาล์มน้ำมันว่า มีพื้นที่ใดสามารถปลูกได้บ้าง และพื้นที่ไหนไม่สมควรปลูก
ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังจะได้ลงไปให้ความรู้กับเกษตรในพื้นที่ ที่สามารถเพราะปลูกได้ ถึงวิธีการปลูก การดูแล เพื่อให้ผลผลิตได้ตามความต้องการอีกด้วย
นายบุญอุ้ม แคล้วโยธา นักวิชาการศูนย์บริการด้านพืช และปัจจัยการผลิตมุกดาหารกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ขณะนี้มีเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารหันมาสนใจปลูกพืชพลังงานทดแทนกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะปาล์มน้ำมัน สบู่ดำ มันสำปะหลัง และ อ้อย ถึงแม้พืชเศรษฐกิจอย่างยางพารา จะเข้ามาแบ่งสัดส่วนพื้นที่การปลูกไปบ้างแล้ว ซึ่งปัจจุบันพื้นที่การปลูกอ้อย ในจังหวัดจะลดน้อยลง เหลือเพียงไม่ถึง 50,000 ไร่ แต่พืชพลังงานทดแทนอย่างมันสำปะหลัง และ ปาล์มน้ำมัน กลับมีพื้นที่เพาะปลูกมากขึ้น
มันสำปะหลัง จากเดิมมีพื้นที่เพาะปลูกเพียง 60,000 ไร่ ปัจจุบันมีพื้นที่เพราะปลูกเพิ่มขึ้นถึงเกือบแสนไร่
ในขณะที่ปาล์มน้ำมันปัจจุบันมีการเพาะปลูกไปแล้วประมาณ 8,000 ไร่ และยังมีเกษตรกรสนใจยื่นความประสงค์จะขอปลูกปาล์มน้ำมันเพิ่มอีก จำนวน 260 ราย คิดเป็นเนื้อที่กว่า 1,700 ไร่
ขณะนี้ศูนย์บริการด้านพืชและปัจจัยการผลิตมุกดาหาร จะได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร ออกตรวจสอบพื้นที่ของเกษตรกร ที่ขอเข้าร่วมโครงการปลูกปาล์มน้ำมันว่า มีพื้นที่ใดสามารถปลูกได้บ้าง และพื้นที่ไหนไม่สมควรปลูก
ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังจะได้ลงไปให้ความรู้กับเกษตรในพื้นที่ ที่สามารถเพราะปลูกได้ ถึงวิธีการปลูก การดูแล เพื่อให้ผลผลิตได้ตามความต้องการอีกด้วย
