ศรีสะเกษ - ชาวศรีสะเกษในนาม “ประชาคมอำเภอกันทรลักษ์” ยกคณะเข้าพบฝ่ายทหาร ที่หน่วยเฉพาะกิจรมทหารพรานที่ 23 เรียกร้องให้เสนอหน่วยเหนือเร่งแก้ปัญหาฝ่ายกัมพูชารุกล้ำเขตแดนไทยสร้างชุมนุมที่พักอาศัย และร้านค้าบริเวณเชิงเขาพระวิหารไม่เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลโลกที่ต้องยึดหลักการบันไดขั้น 162 ขึ้นไป เผยเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและบุกรุกดินแดนไทยอย่างชัดเจนซัดส่วนราชการไทยมีผู้ใดรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ ระบุเตรียมเคลื่อนไหวผลักดันต่อไป
วันนี้ ( 2 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายสนอง ห้วยจันทร์ ประธานประชาคมอำเภอกันทรลักษ์จังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยสมาชิกของประชาคม ประกอบด้วย นายวินัย ไชยะเดชะ นายทองดี คำเนตร นายคณิต แสนสา ได้เดินทางไปพบ กับ พ.อ.ธัญญา เกียรติสาร ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 เพื่อเรียกร้องให้แก้ปัญหากรณีชาวกัมพูชาและเจ้าหน้าทหารฝ่ายกัมพูชา เข้ามาสร้างชุมนุมที่พัก ร้านค้ารุกล้ำเขตแดนไทยบริเวณเชิงเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
ทั้งนี้ พ.อ.ธัญญา ติดราชการ จึงได้มอบหมายให้ พ.ท.ประสิทธิ์ เติมชาติ รอง ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 พร้อมด้วย พ.ท.ไพโรจน์ แจ้งพิมาย นายทหารฝ่ายกิจการพลเรือน และ พ.ท.พัฒนพงษ์ แสนภูวา นายทหารประจำหน่วย กอ.รมน.จ.ศรีสะเกษ มาพบกับคณะประชาคมอำเภอกันทรลักษ์เพื่อรับทราบปัญหา และนำเสนอให้หน่วยเหนือได้รับทราบและพิจารณาสั่งการต่อไป
นายสนอง ห้วยจันทร์ ประธานประชาคมอำกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยคณะสมาชิกประชาคมอำเภอกันทรลักษ์ มาพบกับทหารพรานในครั้งนี้ เนื่องจากต้องการขอทราบความเป็นมาเป็นไปและขอทราบเหตุผลว่าเหตุใดจึงปล่อยให้ชาวกัมพูชาเข้ามาก่อสร้างบ้านเรือน ที่พักอาศัย รวมทั้งมีกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาสร้างที่พักและเปิดร้านค้าขายของที่ระลึกที่บริเวณเชิงเขาพระวิหาร
ทั้งที่บริเวณดังกล่าวทราบว่า ตามคำพิพากษาของศาลโลก เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2505 กัมพูชาจะมีอธิปไตยเหนือปราสาทเขาพระวิหาร หมายถึงตั้งแต่บันไดนาคราชขั้นที่ 162 ขึ้นไป แต่ปรากฏว่า ต่อมามีการนำชาวกัมพูชาประมาณ 500 คน มาสร้างชุมชนขึ้นที่บริเวณเชิงเขาพระวิหารใน ลักษณะเป็นการยึดครองดินแดนบริเวณดังกล่าวอย่างเปิดเผย
รวมทั้งมีการสร้างสะพานเหล็กและประตูเหล็กกั้นไม่ให้ชาวไทยเข้าในเขตเขาพระวิหาร ทั้งที่บริเวณที่ฝ่ายกัมพูชาปลูกสร้างที่พักอาศัยอยู่นั้นเป็นเขตแดนไทยอย่างชัดเจน เนื่องจากก่อนหน้านี้จากบริเวณบันไดขั้นที่ 162 ขึ้นไปนั้น เคยมีประตูเหล็กที่สร้างขึ้นตามคำพิพากษาของศาลโลก แบ่งแนวเขตระหว่างไทย -กัมพูชาอย่างชัดเจน แต่ต่อมาปรากฏว่า มีการรื้อประตูเหล็กรั้วหนามทิ้ง แล้วนำชาวกัมพูชาเข้ามาอยู่ในเขตแดนไทยเชิงเขาพระวิหาร ซึ่งพวกเราเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและเป็นการบุกรุกดินแดนไทยอย่างชัดเจน
“ไม่ทราบว่าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของไทยมีผู้ใดรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ ซึ่งข้อมูลที่พวกเราจะได้รับการชี้แจงในวันนี้จะนำเอาไปขับเคลื่อนผลักดันให้ฝ่ายกัมพูชากลับไปสู่แผ่นดินของกัมพูชาเองอย่างถูกต้องต่อไป” นายสนอง กล่าว
ทางด้าน พ.ท.ประสิทธิ์ เติมชาติ รอง ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 กล่าวว่า บริเวณเชิงเขาพระวิหารนั้น ไม่ใช่มีเพียงทหารพรานเท่านั้นที่เข้าไปรับผิดชอบดูแล แต่จะมีส่วนราชการอื่นๆ เข้าไปร่วมรับผิดชอบด้วย เช่น อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร และ อีกหลายส่วนราชการ
ทหารพรานเป็นหน่วยหนึ่งที่เข้าไปร่วมรับผิดชอบดูแลในบริเวณดังกล่าว ซึ่งตามหลักความเป็นจริงแล้วบริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร การที่มีฝ่ายกัมพูชาเข้ามายึดครองปลูกสร้างบ้านเรือนบริเวณดังกล่าวนั้นจะต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการจากทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อเจรจาแก้ไขปัญหาร่วมกันกับทางฝ่ายกัมพูชา
“โดยหากว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรนั้น จะต้องดำเนินการตามมติของคณะกรรมการร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชา ทั้งนี้เนื่องขณะนี้เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้วว่าพื้นที่เขตแดนไทย-กัมพูชา บริเวณเขาพระวิหารมีเขตพื้นที่ทับซ้อนกันอยู่หลายจุด ซึ่งเรื่องนี้จะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบ เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป” พ.ท.ประสิทธิ์ กล่าว