ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – พันธมิตรฯเหนือล่างประกาศสู้ตายกลางเวทีชุมนุมเชิงสะพานมัฆวานฯ เดินหน้าใช้ระบบ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” หากถูกสลายการชุมนุม ย้ำหากถูกตี พร้อมตีตอบตามเหตุผล ยึดมั่นหลักการ “เชื่อผู้นำ ชาติพ้นภัย แต่ต้องไม่ใช่ผู้นำอย่าง สมัคร สุนทรเวช” ขณะที่เครือข่าย 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่างมุ่งหน้าเข้ากรุงสมทบการชุมนุมเพิ่มต่อเนื่อง
นายสุวัฒน์ วัฒนศิริ เลขาธิการสมัชชาประชาชนฯ ภาคเหนือ,แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดกำแพงเพชร และนายพอพันธุ์ จินันทุยา กรรมการ/เลขานุการ สปท.ภาคเหนือ เปิดเผยขณะอยู่ร่วมเวทีการชุมนุมใหญ่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ กรุงเทพฯ วันนี้ (31 พ.ค.51) ว่า หลังจากได้รับฟังนโยบายของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ NBT และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ว่าจะสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯนั้น
ทางเครือข่ายพันธมิตรฯภาคเหนือตอนล่าง ทั้งแกนนำ และสมาชิกที่ร่วมเดินทางมาชุมนุมกันตั้งแต่คืนที่ผ่านมา (30 พ.ค.) ทั้งหมด มีมติร่วมกันว่า พร้อมจะตอบโต้ทุกรูปแบบ หากถูกเจ้าหน้าที่รัฐสลายการชุมนุม โดยถ้าหากถูกไม้ตี ทางกลุ่มก็จะใช้ไม้ตีเจ้าหน้าที่ , หากถูกรื้อเต้นท์ ก็จะยึดเต้นท์ไว้ไม่ให้เจ้าหน้าที่รื้อถอน หรือหากถูกทำร้ายร่างกาย ทุบตี ก็จะใช้วิธีการเดียวกันตอบโต้
“พวกเรายืนยันว่า จะสู้ตาย หากถูกกระทำแบบใด ก็จะตอบโต้แบบนั้น ใช้ระบบ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ให้สมควรแก่เหตุ หรือตามเหตุผลที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ๆ จะไม่มีการดำเนินการก่อนเจ้าหน้าที่รัฐอย่างแน่นอน”
นายพอพันธุ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ทุกคนยังคงยืนยันที่จะร่วมชุมนุมกันพันธมิตรฯจากทั่วประเทศอย่างถึงที่สุด จะไม่ถอย หรือถอนตัวกลางคันแน่นอน ยังคงยึดมั่นที่จะเชื่อผู้นำ
“เรายังยึดมั่นคติที่ว่า เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย แต่ต้องไม่ใช่ผู้นำอย่างนายสมัคร สุนทรเวช
ภายใต้เป้าหมายขับไล่รัฐบาลนอมินี – สกัดการฟื้นคืนชีพของระบอบทักษิณ ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเราเชื่อมั่นว่า รัฐบาลกำลังเล่นกลกับภาคประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 ที่แม้จะมีการถอนชื่อจนญัตติตกไปแล้ว แต่พรรคพลังประชาชนก็ยังคงเดินหน้าที่จะแก้ไข รธน.อยู่ นอกจากนี้นายสมัคร ก็ประกาศออกมาเต็มปากว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ ส่วนกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข ลาออกจากตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น ถือเป็นผลกรรมที่นายจักรภพ จะต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเองฟ"
นายพอพันธุ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในวันนี้ (31 พ.ค.) ยังจะมีมวลชนจากเครือข่าย 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่างทั้งกำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย นครสวรรค์ ตาก อุทัยธานี อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ เดินทางเข้ามาสมทบอีกอย่างต่อเนื่อง
นายสุวัฒน์ วัฒนศิริ เลขาธิการสมัชชาประชาชนฯ ภาคเหนือ,แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดกำแพงเพชร และนายพอพันธุ์ จินันทุยา กรรมการ/เลขานุการ สปท.ภาคเหนือ เปิดเผยขณะอยู่ร่วมเวทีการชุมนุมใหญ่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ กรุงเทพฯ วันนี้ (31 พ.ค.51) ว่า หลังจากได้รับฟังนโยบายของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ NBT และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ว่าจะสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯนั้น
ทางเครือข่ายพันธมิตรฯภาคเหนือตอนล่าง ทั้งแกนนำ และสมาชิกที่ร่วมเดินทางมาชุมนุมกันตั้งแต่คืนที่ผ่านมา (30 พ.ค.) ทั้งหมด มีมติร่วมกันว่า พร้อมจะตอบโต้ทุกรูปแบบ หากถูกเจ้าหน้าที่รัฐสลายการชุมนุม โดยถ้าหากถูกไม้ตี ทางกลุ่มก็จะใช้ไม้ตีเจ้าหน้าที่ , หากถูกรื้อเต้นท์ ก็จะยึดเต้นท์ไว้ไม่ให้เจ้าหน้าที่รื้อถอน หรือหากถูกทำร้ายร่างกาย ทุบตี ก็จะใช้วิธีการเดียวกันตอบโต้
“พวกเรายืนยันว่า จะสู้ตาย หากถูกกระทำแบบใด ก็จะตอบโต้แบบนั้น ใช้ระบบ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ให้สมควรแก่เหตุ หรือตามเหตุผลที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ๆ จะไม่มีการดำเนินการก่อนเจ้าหน้าที่รัฐอย่างแน่นอน”
นายพอพันธุ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ทุกคนยังคงยืนยันที่จะร่วมชุมนุมกันพันธมิตรฯจากทั่วประเทศอย่างถึงที่สุด จะไม่ถอย หรือถอนตัวกลางคันแน่นอน ยังคงยึดมั่นที่จะเชื่อผู้นำ
“เรายังยึดมั่นคติที่ว่า เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย แต่ต้องไม่ใช่ผู้นำอย่างนายสมัคร สุนทรเวช
ภายใต้เป้าหมายขับไล่รัฐบาลนอมินี – สกัดการฟื้นคืนชีพของระบอบทักษิณ ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเราเชื่อมั่นว่า รัฐบาลกำลังเล่นกลกับภาคประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 ที่แม้จะมีการถอนชื่อจนญัตติตกไปแล้ว แต่พรรคพลังประชาชนก็ยังคงเดินหน้าที่จะแก้ไข รธน.อยู่ นอกจากนี้นายสมัคร ก็ประกาศออกมาเต็มปากว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ ส่วนกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข ลาออกจากตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น ถือเป็นผลกรรมที่นายจักรภพ จะต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเองฟ"
นายพอพันธุ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในวันนี้ (31 พ.ค.) ยังจะมีมวลชนจากเครือข่าย 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่างทั้งกำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย นครสวรรค์ ตาก อุทัยธานี อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ เดินทางเข้ามาสมทบอีกอย่างต่อเนื่อง
