พะเยา–อปท.โวยรัฐจัดงบทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ 50 ได้ แต่เมินช่วยชาวนา ไม่แก้ปัญหาปากท้องชาวบ้าน แถมบีบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดงบอุ้มเกษตรกรแทน ขณะที่ ส.ส.ตามจี้รัฐเร่งผันงบฯช่วยชาวนาปรัง คาดไม่เกิน 10 มิ.ย.เกษตรกรได้เงิน ด้าน สถานการณ์เริ่มปกติโรงสีรับซื้อข้าวตามเงื่อนไขตันละ 7,000 -9,000 บาท
นายสุรพล เต็มสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีตำบลดงเจน อ.ภูกามยาว จ.พะเยา กล่าวว่า สถานการณ์การรับซื้อข้าวเปลือก(ข้าวเหนียว)นาปรังที่ได้มีการประกาศจุดรับซื้อ ณ ที่ทำการสหกรณ์การเกษตรของกลุ่มเกษตรกรทำนาดงเจน ในเขต ทต.ดงเจน ได้เปิดรับซื้อตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 27 พฤษภาคม 2551 ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งราคาก็เป็นไปตามเงื่อนไขคือ กก.ละ 7-9 บาทขึ้นอยู่กับระดับความชื้น เกษตรกรบางรายได้ราคาถึง กก.ละ 9 บาท ก็เป็นที่น่าพอใจของเกษตรกรระดับหนึ่ง
แต่การขายครั้งนี้เกษตรกรได้เงินเชื่อเป็นคูปองกระดาษจากโรงสี ต้องรอให้รัฐบาลอนุมัติเงินผ่านทาง ธ.ก.ส. จากนั้นเกษตรกรจึงจะได้รับเงินค่าขายข้าว เท่าที่ได้มีการประเมินในภาพรวมเกษตรกรรอได้ เพราะมั่นใจว่าทั้งจังหวัดและ ส.ส.พะเยา ต้องรักษาสัญญา
นายกเทศมนตรีตำบลดงเจน กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการนำเงินงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)มาช่วยเหลือเกษตรกรเป็นค่าขนส่งจากนาข้าวถึงจุดรับซื้อข้าวนั้น คงต้องรอให้มีการดำเนินการซื้อขายให้เสร็จสิ้นจนครบทุกรายก่อน จากนั้นจึงจะสำรวจรายละเอียดเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป
อย่างไรก็ตาม เรื่องการนำเงินงบประมาณของ อปท.มาช่วยเกษตรกร โดยส่วนตัวมองว่าเป็นสิ่งที่สามารถทำได้หากจำเป็นอย่างแท้จริง แต่ทางปฏิบัติแล้ว หากให้ อปท.ต้องรับผิดชอบภารกิจฉุกเฉินเช่นนี้บ่อยครั้ง เกรงว่าจะเป็นภาระผูกพันให้กับ อปท.ในอนาคตไม่จบสิ้น โดยเฉพาะ อปท.ปัจจุบันมีงบประมาณไม่เพียงพอต่อการบริหารจัดการในพื้นที่อยู่แล้ว ดังนั้นหน้าที่หลักคือรัฐบาลกลางต้องแสดงความรับผิดชอบจะเหมาะสมที่สุด
“เป็นที่น่าสังเกตว่ารัฐบาลได้เตรียมใช้งบประมาณถึง 2,000 ล้านบาท เพื่อนำไปจัดทำประชามติในการจัดการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการกระทำที่ถือว่าไม่จำเป็นเร่งด่วนดังความเดือดร้อนของเกษตรกรที่กำลังประสบอยู่ทั่วประเทศขณะนี้ และการแก้ไข รธน.นั้น ตนมองว่าเป็นการลงทุนใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลเพียงเพื่อช่วยเหลือบุคคลบางคนหรือบางกลุ่มเท่านั้น ฉะนั้นควรจะเร่งจัดหางบประมาณมาบรรเทาทุกข์แก้ปัญหาให้เกษตรกรโดยเร็ว ก่อนที่ประชาชนจะหมดศรัทธารัฐบาลไปมากกว่านี้”
ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ตนพร้อมด้วย ส.ส.พะเยาทั้งหมดได้เดินทางเข้าพบเลขาธิการรัฐมนตรีว่าการ(รมว.)กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2551 ที่ผ่านมาโดยได้ยื่นหนังสือแจ้งขอความช่วยเหลือให้รัฐบาลเร่งดำเนินการพิจารณาอนุมัติเงินงบประมาณเพื่อให้การช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรทำนาปรังที่กำลังประสบปัญหาราคาข้าวเปลือก(ข้าวเหนียว)นาปรังตกต่ำอยู่ในขณะนี้
หลังจากที่ได้ยื่นหนังสือแล้วขั้นตอนต่อไปคือ รอทาง รมว.คลัง ซึ่งเป็นประธานบอร์ดบริหารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ได้เรียกประชุม ธ.ก.ส. เพื่อเตรียมอนุมัติงบประมาณมาช่วยเหลือเกษตรกรตามลำดับ คาดว่าภายในสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายน หรือไม่เกินวันที่ 10 มิถุนายน 2551 นี้ เกษตรกรทำนาปรังจะได้รับเงินค่าขายข้าวจากรัฐบาลตามเงื่อนไข
นายสุรพล เต็มสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีตำบลดงเจน อ.ภูกามยาว จ.พะเยา กล่าวว่า สถานการณ์การรับซื้อข้าวเปลือก(ข้าวเหนียว)นาปรังที่ได้มีการประกาศจุดรับซื้อ ณ ที่ทำการสหกรณ์การเกษตรของกลุ่มเกษตรกรทำนาดงเจน ในเขต ทต.ดงเจน ได้เปิดรับซื้อตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 27 พฤษภาคม 2551 ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งราคาก็เป็นไปตามเงื่อนไขคือ กก.ละ 7-9 บาทขึ้นอยู่กับระดับความชื้น เกษตรกรบางรายได้ราคาถึง กก.ละ 9 บาท ก็เป็นที่น่าพอใจของเกษตรกรระดับหนึ่ง
แต่การขายครั้งนี้เกษตรกรได้เงินเชื่อเป็นคูปองกระดาษจากโรงสี ต้องรอให้รัฐบาลอนุมัติเงินผ่านทาง ธ.ก.ส. จากนั้นเกษตรกรจึงจะได้รับเงินค่าขายข้าว เท่าที่ได้มีการประเมินในภาพรวมเกษตรกรรอได้ เพราะมั่นใจว่าทั้งจังหวัดและ ส.ส.พะเยา ต้องรักษาสัญญา
นายกเทศมนตรีตำบลดงเจน กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการนำเงินงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)มาช่วยเหลือเกษตรกรเป็นค่าขนส่งจากนาข้าวถึงจุดรับซื้อข้าวนั้น คงต้องรอให้มีการดำเนินการซื้อขายให้เสร็จสิ้นจนครบทุกรายก่อน จากนั้นจึงจะสำรวจรายละเอียดเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป
อย่างไรก็ตาม เรื่องการนำเงินงบประมาณของ อปท.มาช่วยเกษตรกร โดยส่วนตัวมองว่าเป็นสิ่งที่สามารถทำได้หากจำเป็นอย่างแท้จริง แต่ทางปฏิบัติแล้ว หากให้ อปท.ต้องรับผิดชอบภารกิจฉุกเฉินเช่นนี้บ่อยครั้ง เกรงว่าจะเป็นภาระผูกพันให้กับ อปท.ในอนาคตไม่จบสิ้น โดยเฉพาะ อปท.ปัจจุบันมีงบประมาณไม่เพียงพอต่อการบริหารจัดการในพื้นที่อยู่แล้ว ดังนั้นหน้าที่หลักคือรัฐบาลกลางต้องแสดงความรับผิดชอบจะเหมาะสมที่สุด
“เป็นที่น่าสังเกตว่ารัฐบาลได้เตรียมใช้งบประมาณถึง 2,000 ล้านบาท เพื่อนำไปจัดทำประชามติในการจัดการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการกระทำที่ถือว่าไม่จำเป็นเร่งด่วนดังความเดือดร้อนของเกษตรกรที่กำลังประสบอยู่ทั่วประเทศขณะนี้ และการแก้ไข รธน.นั้น ตนมองว่าเป็นการลงทุนใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลเพียงเพื่อช่วยเหลือบุคคลบางคนหรือบางกลุ่มเท่านั้น ฉะนั้นควรจะเร่งจัดหางบประมาณมาบรรเทาทุกข์แก้ปัญหาให้เกษตรกรโดยเร็ว ก่อนที่ประชาชนจะหมดศรัทธารัฐบาลไปมากกว่านี้”
ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ตนพร้อมด้วย ส.ส.พะเยาทั้งหมดได้เดินทางเข้าพบเลขาธิการรัฐมนตรีว่าการ(รมว.)กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2551 ที่ผ่านมาโดยได้ยื่นหนังสือแจ้งขอความช่วยเหลือให้รัฐบาลเร่งดำเนินการพิจารณาอนุมัติเงินงบประมาณเพื่อให้การช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรทำนาปรังที่กำลังประสบปัญหาราคาข้าวเปลือก(ข้าวเหนียว)นาปรังตกต่ำอยู่ในขณะนี้
หลังจากที่ได้ยื่นหนังสือแล้วขั้นตอนต่อไปคือ รอทาง รมว.คลัง ซึ่งเป็นประธานบอร์ดบริหารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ได้เรียกประชุม ธ.ก.ส. เพื่อเตรียมอนุมัติงบประมาณมาช่วยเหลือเกษตรกรตามลำดับ คาดว่าภายในสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายน หรือไม่เกินวันที่ 10 มิถุนายน 2551 นี้ เกษตรกรทำนาปรังจะได้รับเงินค่าขายข้าวจากรัฐบาลตามเงื่อนไข
