หนองคาย-ผู้ประกอบการเรือโดยสารข้ามแม่น้ำโขงชาวหนองคาย โอดภาวะน้ำมันแพงขึ้นทุกวัน ผู้โดยสารหดหายหนีใช้บริการผ่านแดนทางสะพานมิตรภาพแทน ต้องปรับวิธีด้วยการให้บริการล่องเรือเที่ยวเสริม พร้อมวอนรัฐอนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถข้ามไปลาวทางเรือได้ด้วย
นายสมัย โพธิ์ตะวัฒน์ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1133/8 ถ.ประจักษ์ ต.ในเมือง อ.เมืองหนองคาย ผู้ประกอบการเรือโดยสารข้ามแม่น้ำโขง จากท่าเรือหนองคายถึงท่าเดื่อ เมืองหาดทรายฟอง นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว กล่าวถึงปัญหาน้ำมันแพงในขณะนี้ว่า เข้าใจว่าสถานการณ์น้ำมันแพงนั้นไม่ใช่เพียงแค่ประเทศไทยที่เดือดร้อน แต่เป็นความเดือดร้อนของชาวโลกแทบทุกประเทศ
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่แพงขึ้นทุกวัน ก็ส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ เนื่องจากเรือโดยสารที่ให้บริการข้ามฟากนั้นมี 5 ลำ คิดอัตราค่าโดยสารคนละ 30 บาท
ส่วนใหญ่ผู้ใช้บริการจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าชาวลาว ที่เดินทางมาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในตลาดหนองคายไปขายต่อที่ประเทศลาว ซึ่งราคาค่าโดยสารนี้เป็นราคาที่เป็นราคาคงที่มาตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว ยังไม่มีการปรับราคาขึ้นตามราคาน้ำมันแต่อย่างใด ประกอบกับหากผู้ประกอบการจะปรับขึ้นราคาค่าโดยสารผลกระทบก็จะไปตกที่ผู้โดยสาร
ทำให้ผู้โดยสารจ่ายค่าเรือเพิ่มมากขึ้น และหากต้องจ่ายเพิ่มในการโดยสารทางเรือ ก็อาจทำให้ผู้โดยสารหันไปใช้บริการขนส่งสินค้าทางรถ ผ่านด่านสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แทน ซึ่งนับตั้งแต่เปิดใช้สะพานมิตรภาพ ทั้งคนไทยและลาวต่างหันไปใช้บริการด่านสะพานกันเกือบหมด ยังคงมีเพียงพ่อค้าแม่ค้ารายเล็กถึงรายย่อมที่ยังคงนั่งเรือขนส่งสินค้าอยู่
ประกอบกับเจ้าหน้าที่รัฐไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยว เดินทางจากจังหวัดหนองคายข้ามแม่น้ำโขงไปขึ้นท่าเดื่อ ประเทศลาว แต่ให้ใช้บริการทางสะพานแทน ทำให้ลูกค้าใช้บริการทางเรือลดน้อยลงเรื่อย ๆ เฉลี่ยแล้วจะมีผู้โดยสารใช้บริการเรือข้ามฟากวันละ 20-30 คน
เรือโดยสารของไทยมี 5 ลำ ส่วนเรือลาวมีอยู่ 2 ลำ จะทำการหมุนเวียนกันออกเรือ เมื่อน้ำมันแพงขึ้นเรื่อย ๆ ก็ทำให้ต้นทุนค่าน้ำมันสูงขึ้น จากเดิมเติมน้ำมันใส่เรือ 500 บาท ได้ประมาณ 20 ลิตร ตอนนี้ได้จ่ายค่าน้ำมันเท่าเดิมแต่ได้น้ำมันน้อยลง ทำให้ต้องมีการปรับวิธีการด้วยการขับเรือให้ช้าลง หากลูกค้าไม่รีบก็ขับเรือช้า ๆ ใช้เวลาประมาณ 3-5 นาทีถึงอีกฝั่งหนึ่ง ช่วยลดปริมาณน้ำมันได้อย่างน้อย 2-3 ลิตร
แต่หากลูกค้ารีบก็ต้องตามใจลูกค้าและต้องขับให้เร็วขึ้น แต่โชคดีอยู่บ้างที่ตอนนี้น้ำโขงมีปริมาณสูงขึ้นทำให้เรือสามารถขับตรงไปอีกฟากหนึ่งได้ทันที ต่างจากช่วงหน้าแล้งที่ต้องอ้อมเรือไกลและเปลืองน้ำมันตามไปด้วย และยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ค่าเช่าโป๊ะเรืออีกมากมาย ทำให้รายได้จากการประกอบการเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นายสมัย กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้น้ำมันจะพุ่งสูงขึ้นไม่หยุด เรือก็ยังคงต้องให้บริการเหมือนเดิม และขณะนี้ให้บริการเสริมด้วยการให้เช่าเรือนำเที่ยวไปตามแม่น้ำโขง และ เรือลอยอังคาร อัตราค่าให้บริการชั่วโมงละ 600 บาท ซึ่งทำให้มีรายได้เสริมขึ้นมาบ้าง
อีกทั้งอยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพิจารณาอนุญาตให้ผู้โดยสารหรือนักท่องเที่ยวที่ต้องการข้ามฟากทางเรือให้สามารถใช้บริการได้ ไม่ใช่ผลักดันให้บริการทางสะพานมิตรภาพไทยลาวอย่างเดียว
นายสมัย โพธิ์ตะวัฒน์ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1133/8 ถ.ประจักษ์ ต.ในเมือง อ.เมืองหนองคาย ผู้ประกอบการเรือโดยสารข้ามแม่น้ำโขง จากท่าเรือหนองคายถึงท่าเดื่อ เมืองหาดทรายฟอง นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว กล่าวถึงปัญหาน้ำมันแพงในขณะนี้ว่า เข้าใจว่าสถานการณ์น้ำมันแพงนั้นไม่ใช่เพียงแค่ประเทศไทยที่เดือดร้อน แต่เป็นความเดือดร้อนของชาวโลกแทบทุกประเทศ
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่แพงขึ้นทุกวัน ก็ส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ เนื่องจากเรือโดยสารที่ให้บริการข้ามฟากนั้นมี 5 ลำ คิดอัตราค่าโดยสารคนละ 30 บาท
ส่วนใหญ่ผู้ใช้บริการจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าชาวลาว ที่เดินทางมาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในตลาดหนองคายไปขายต่อที่ประเทศลาว ซึ่งราคาค่าโดยสารนี้เป็นราคาที่เป็นราคาคงที่มาตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว ยังไม่มีการปรับราคาขึ้นตามราคาน้ำมันแต่อย่างใด ประกอบกับหากผู้ประกอบการจะปรับขึ้นราคาค่าโดยสารผลกระทบก็จะไปตกที่ผู้โดยสาร
ทำให้ผู้โดยสารจ่ายค่าเรือเพิ่มมากขึ้น และหากต้องจ่ายเพิ่มในการโดยสารทางเรือ ก็อาจทำให้ผู้โดยสารหันไปใช้บริการขนส่งสินค้าทางรถ ผ่านด่านสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แทน ซึ่งนับตั้งแต่เปิดใช้สะพานมิตรภาพ ทั้งคนไทยและลาวต่างหันไปใช้บริการด่านสะพานกันเกือบหมด ยังคงมีเพียงพ่อค้าแม่ค้ารายเล็กถึงรายย่อมที่ยังคงนั่งเรือขนส่งสินค้าอยู่
ประกอบกับเจ้าหน้าที่รัฐไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยว เดินทางจากจังหวัดหนองคายข้ามแม่น้ำโขงไปขึ้นท่าเดื่อ ประเทศลาว แต่ให้ใช้บริการทางสะพานแทน ทำให้ลูกค้าใช้บริการทางเรือลดน้อยลงเรื่อย ๆ เฉลี่ยแล้วจะมีผู้โดยสารใช้บริการเรือข้ามฟากวันละ 20-30 คน
เรือโดยสารของไทยมี 5 ลำ ส่วนเรือลาวมีอยู่ 2 ลำ จะทำการหมุนเวียนกันออกเรือ เมื่อน้ำมันแพงขึ้นเรื่อย ๆ ก็ทำให้ต้นทุนค่าน้ำมันสูงขึ้น จากเดิมเติมน้ำมันใส่เรือ 500 บาท ได้ประมาณ 20 ลิตร ตอนนี้ได้จ่ายค่าน้ำมันเท่าเดิมแต่ได้น้ำมันน้อยลง ทำให้ต้องมีการปรับวิธีการด้วยการขับเรือให้ช้าลง หากลูกค้าไม่รีบก็ขับเรือช้า ๆ ใช้เวลาประมาณ 3-5 นาทีถึงอีกฝั่งหนึ่ง ช่วยลดปริมาณน้ำมันได้อย่างน้อย 2-3 ลิตร
แต่หากลูกค้ารีบก็ต้องตามใจลูกค้าและต้องขับให้เร็วขึ้น แต่โชคดีอยู่บ้างที่ตอนนี้น้ำโขงมีปริมาณสูงขึ้นทำให้เรือสามารถขับตรงไปอีกฟากหนึ่งได้ทันที ต่างจากช่วงหน้าแล้งที่ต้องอ้อมเรือไกลและเปลืองน้ำมันตามไปด้วย และยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ค่าเช่าโป๊ะเรืออีกมากมาย ทำให้รายได้จากการประกอบการเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นายสมัย กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้น้ำมันจะพุ่งสูงขึ้นไม่หยุด เรือก็ยังคงต้องให้บริการเหมือนเดิม และขณะนี้ให้บริการเสริมด้วยการให้เช่าเรือนำเที่ยวไปตามแม่น้ำโขง และ เรือลอยอังคาร อัตราค่าให้บริการชั่วโมงละ 600 บาท ซึ่งทำให้มีรายได้เสริมขึ้นมาบ้าง
อีกทั้งอยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพิจารณาอนุญาตให้ผู้โดยสารหรือนักท่องเที่ยวที่ต้องการข้ามฟากทางเรือให้สามารถใช้บริการได้ ไม่ใช่ผลักดันให้บริการทางสะพานมิตรภาพไทยลาวอย่างเดียว