ตราด - “นายก อบต.เกาะกูด” ประกาศพร้อมนำชาวบ้านเกาะกูด 1,700 คน ต่อต้านรัฐบาลไทย-กัมพูชา หากยกดินแดนให้กัมพูชา
นายพงศภัค จันทร์อบ นายก อบต.เกาะกูด อ.เกาะกูด จ.ตราด เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวเกาะกูดจำนวนมากได้รวมตัวกันติดตามความเคลื่อนไหวของรัฐบาลไทย ในการเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทยกับกัมพูชา ทั้งในพื้นที่เขาพระวิหาร และพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลด้าน จ.ตราด (อ.เกาะกูด) และ จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา
ทั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่าประเทศไทยจะต้องสูญเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาล โดยมีแนวโน้มว่าจะทำให้ดินแดนของ อ.เกาะกูด จ.ตราด ต้องสูญเสียไปด้วย ซึ่งชาวเกาะกูดจะยอมให้เกิดปัญหาเช่นนี้ไม่ได้ จึงได้มีการวมตัวกันเพื่อติดตามสถานการณ์เรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะชาวเกาะกูดจะไม่ยอมให้ดินแดนสัก 1 ตารางนิ้วเป็นของกัมพูชา โดยเด็ดขาด
“ผมจะเป็นผู้นำชาวเกาะกูดทั้ง 1,700 คน พร้อมสมาชิก อบต.เกาะกูด ต่อต้านทั้งรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ที่จะมีการเจรจาพื้นที่ชายแดนทางด้านเกาะกูด เพื่อนำดินแดนบางส่วนไปให้กัมพูชา ซึ่งผมจะไม่ให้ยอมให้ใครสัก 1 ตารางนิ้ว ให้ชาติใดแน่นอน หากรัฐบาลไทยทำไม่ถูกต้องไม่เห็นกับประโยชน์ของชาติ ชาวเกาะกูดจะลุกขึ้นมาต่อต้านและประณาม ผมไม่กลัวตาย แต่ผมเกิดที่นี่และก็จะตายที่นี่เช่นกัน และเรื่องนี้รัฐบาลจะต้องออกมาชี้แจงให้ชาวเกาะกูดได้ทราบ และสอบถามความคิดเห็นของชาวเกาะกูดก่อนที่จะดำเนินการใดๆ ผมบอกเลยว่า ผมยอมไม่ได้ ผมพร้อมจะยอมตายและแลกกับแผ่นดินของชาวเกาะกูดให้กลับคืนมา”
นายก อบต.เกาะกูด กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ (ก่อนปฏิวัติ 19 ก.ย.49) ก็มีข่าวจะเฉือนพื้นที่เกาะกูดให้เป็นของกัมพูชา โดยอ้างว่าปัญหาแผนที่และพื้นที่เขตแดนไม่ถูกต้องต้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะยอมให้มีการ ดำเนินการเช่นนั้น ชาวเกาะกูดพร้อมยอมตายเพื่อแลกกับการรักษาอธิปไตยไว้
อนึ่ง ประเทศกัมพูชา เคยอ้างว่า พื้นที่เกาะกูดทางตอนใต้ ตั้งแต่บ้านอ่าวใหญ่ ลงมาจนถึงบ้านแหลมเทียน เป็นพื้นที่ของกัมพูชา โดยวัดระยะจากหลักเขตที่ 72 และ 73 มายังยอดเขาที่สูงที่สุดของเกาะกูด พื้นที่ตรงนี้ก็จะเป็นของกัมพูชา แต่ปัจจุบันหลักเขตที่ 72 ที่อยู่บนเทือกเขาบรรทัด ตรงข้ามบ้านหาดเล็ก ยังไม่ทราบจุดหรือพิกัดแน่นอนว่าอยู่ในพื้นที่ใด เนื่องจากพบว่ามีการทำลายหลักเขตดังกล่าวไปแล้ว
ขณะที่ทางฝั่งประเทศไทย ได้ยึดแนวร่องน้ำลึกในทะเลที่วัดจากหลักเขตที่ 73 ตามหลักสากล ซึ่งทั้งสองประเทศใช้หลักในการยืนยัน แตกต่างกันทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลมีพื้นที่กว่า 150,000 ไร่ และทั้ง 2 ฝ่าย ก็ยืนยันว่าเป็นเขตแดนของตน ทำให้เกิดปัญหาและเกิดผลกระทบกับเรือประมงไทย ที่เข้าไปทำประมงในพื้นที่ทับซ้อนจนเกิดการปะทะกันระหว่าง กองกำลังของประเทศไทยและเจ้าหน้าที่ของกัมพูชาอยู่เป็นประจำ
นายพงศภัค จันทร์อบ นายก อบต.เกาะกูด อ.เกาะกูด จ.ตราด เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวเกาะกูดจำนวนมากได้รวมตัวกันติดตามความเคลื่อนไหวของรัฐบาลไทย ในการเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทยกับกัมพูชา ทั้งในพื้นที่เขาพระวิหาร และพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลด้าน จ.ตราด (อ.เกาะกูด) และ จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา
ทั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่าประเทศไทยจะต้องสูญเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาล โดยมีแนวโน้มว่าจะทำให้ดินแดนของ อ.เกาะกูด จ.ตราด ต้องสูญเสียไปด้วย ซึ่งชาวเกาะกูดจะยอมให้เกิดปัญหาเช่นนี้ไม่ได้ จึงได้มีการวมตัวกันเพื่อติดตามสถานการณ์เรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะชาวเกาะกูดจะไม่ยอมให้ดินแดนสัก 1 ตารางนิ้วเป็นของกัมพูชา โดยเด็ดขาด
“ผมจะเป็นผู้นำชาวเกาะกูดทั้ง 1,700 คน พร้อมสมาชิก อบต.เกาะกูด ต่อต้านทั้งรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ที่จะมีการเจรจาพื้นที่ชายแดนทางด้านเกาะกูด เพื่อนำดินแดนบางส่วนไปให้กัมพูชา ซึ่งผมจะไม่ให้ยอมให้ใครสัก 1 ตารางนิ้ว ให้ชาติใดแน่นอน หากรัฐบาลไทยทำไม่ถูกต้องไม่เห็นกับประโยชน์ของชาติ ชาวเกาะกูดจะลุกขึ้นมาต่อต้านและประณาม ผมไม่กลัวตาย แต่ผมเกิดที่นี่และก็จะตายที่นี่เช่นกัน และเรื่องนี้รัฐบาลจะต้องออกมาชี้แจงให้ชาวเกาะกูดได้ทราบ และสอบถามความคิดเห็นของชาวเกาะกูดก่อนที่จะดำเนินการใดๆ ผมบอกเลยว่า ผมยอมไม่ได้ ผมพร้อมจะยอมตายและแลกกับแผ่นดินของชาวเกาะกูดให้กลับคืนมา”
นายก อบต.เกาะกูด กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ (ก่อนปฏิวัติ 19 ก.ย.49) ก็มีข่าวจะเฉือนพื้นที่เกาะกูดให้เป็นของกัมพูชา โดยอ้างว่าปัญหาแผนที่และพื้นที่เขตแดนไม่ถูกต้องต้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะยอมให้มีการ ดำเนินการเช่นนั้น ชาวเกาะกูดพร้อมยอมตายเพื่อแลกกับการรักษาอธิปไตยไว้
อนึ่ง ประเทศกัมพูชา เคยอ้างว่า พื้นที่เกาะกูดทางตอนใต้ ตั้งแต่บ้านอ่าวใหญ่ ลงมาจนถึงบ้านแหลมเทียน เป็นพื้นที่ของกัมพูชา โดยวัดระยะจากหลักเขตที่ 72 และ 73 มายังยอดเขาที่สูงที่สุดของเกาะกูด พื้นที่ตรงนี้ก็จะเป็นของกัมพูชา แต่ปัจจุบันหลักเขตที่ 72 ที่อยู่บนเทือกเขาบรรทัด ตรงข้ามบ้านหาดเล็ก ยังไม่ทราบจุดหรือพิกัดแน่นอนว่าอยู่ในพื้นที่ใด เนื่องจากพบว่ามีการทำลายหลักเขตดังกล่าวไปแล้ว
ขณะที่ทางฝั่งประเทศไทย ได้ยึดแนวร่องน้ำลึกในทะเลที่วัดจากหลักเขตที่ 73 ตามหลักสากล ซึ่งทั้งสองประเทศใช้หลักในการยืนยัน แตกต่างกันทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลมีพื้นที่กว่า 150,000 ไร่ และทั้ง 2 ฝ่าย ก็ยืนยันว่าเป็นเขตแดนของตน ทำให้เกิดปัญหาและเกิดผลกระทบกับเรือประมงไทย ที่เข้าไปทำประมงในพื้นที่ทับซ้อนจนเกิดการปะทะกันระหว่าง กองกำลังของประเทศไทยและเจ้าหน้าที่ของกัมพูชาอยู่เป็นประจำ
