เงินบาทแข็ง ต้นทุนสูง กระทบส่งออกทุเรียนเมืองจันท์ วอนรัฐช่วยเหลือ

จันทบุรี - ผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนส่งออกโอดค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นและต้นทุนค่าแรง ค่าบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะค่าขนส่งทางเรือที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ส่งผลให้รายได้ของชาวสวนและผลประกอบการลดลง วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด่วน

นายสามารถ ธรรมโชติ ผู้ประกอบการรับซื้อและห้องแช่แข็งทุเรียนเพื่อการส่งออก ที่จังหวัดจันทบุรี เปิดเผยถึงการกระจายผลผลิตและราคาของทุเรียนส่งออกของจันทบุรีว่า ในฤดูกาลนี้ยังไม่มีความแตกต่างจากปีที่แล้วมากนัก คือ ราคารับซื้อทุเรียนพันธุ์หมอนทองคุณภาพส่งออก เกรดเอ และบี จากชาวสวนอยู่ที่กิโลกรัมละ 18-20 บาท ซึ่งตลาดส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ประเทศจีน อินโดนีเซียและฮ่องกง

ขณะที่ต้นทุนในการประกอบการส่งออกทุเรียนกลับเพิ่มขึ้นอย่างมาก ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ทำให้ผลประกอบการรวมในปีนี้จะต้องลดลงจากปีที่แล้ว เช่นเดียวกับชาวสวนที่นำทุเรียนมาขายก็ต้องมีรายได้น้อยลงเช่นกัน จากต้นทุนการเพาะปลูกที่สูงขึ้น แต่ผู้ประกอบการส่งออกก็ไม่สามารถขึ้นราคารับซื้อให้กับเกษตรกรได้ เนื่องจากปัจจัยต่างๆที่ตลาดปลายทางจะมีอิทธิพลต่อการกำหนดราคามากกว่า เช่นปริมาณผลผลิต และความต้องการหรือกำลังซื้อของผู้บริโภค

สำหรับปัญหาต้นทุนการผลิตที่ผู้ประกอบการทุเรียนส่งออกกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งมีผลต่อราคารับซื้อทุเรียนและผลประกอบการของบริษัท คือ ค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าแรงงาน และค่าขนส่งที่สูงขึ้น โดยเฉพาะค่าบริการขนส่งทางเรือหรือค่าตู้คอนเทนเนอร์ที่มีการขึ้นค่าบริการในช่วงนี้ จากตู้ละ 1,300 เหรียญสหรัฐ เป็น 2,200 เหรียญสหรัฐ โดยต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม เพราะมีผลต่อรายได้ของเกษตรกรและผู้ประกอบการส่งออกรวมทั้งการกระจายผลผลิตไปยังต่างประเทศด้วย

นายสามารถ กล่าวต่อว่า ส่วนแนวโน้มตลาดทุเรียนส่งออกในฤดูกาลนี้ คาดว่าผู้ประกอบการส่งออกจะสามารถประคองราคาและกระจายผลผลิตได้ในระดับเดียวกับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หรืออาจมีราคาที่สูงขึ้นได้ เนื่องจากทุเรียนปีนี้ค่อยๆทยอยออกสู่ตลาดไม่กระจุกตัวเหมือนปีที่ผ่านมา