ปราจีนบุรี - ตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรีสนธิกำลังกวาดล้างอาชญากรรม และยาเสพติดในพื้นที่ บ้านหนองหูช้าง อำเภอศรีมหาโพธิ์กว่า 300 นาย เข้าทำการตรวจค้นบ้านเป้าหมายกว่า 40 หลังคาเรือนได้ผู้ต้องหาพร้อมของกลางจำนวนมาก
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (7 พ.ค.) นางพรรณี แก่นสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี พล.ต.ต.สัญชัย ไชยอำพร ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี 11 โรงพัก พร้อมหน่วยตำรวจปฏิบัติงานพิเศษ จ.ปราจีนบุรี รวมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 200 นาย ร่วมกับกำลังชุดปฎิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 2 และชุดปฎิบัติงานของกระทรวงสารณสุข จังหวัดปราจีนบุรี 15 นาย พร้อมทั้งส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี รวมกำลังผู้ปฏิบัติงานครั้งนี้ทั้งสิ้นกว่า 300 นาย ได้ร่วมกันค้นเป้าหมายผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่บ้านหนองหูช้าง หมู่ที่ 8 ต.หัวหว้า อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี ตั้งแต่เวลา 05.00 น.เป็นต้นมา และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาในการเข้าตรวจค้นเป้าหมายได้ผู้ต้องหาที่กระทำความผิดในคดีต่างๆ จำนวน 48 ราย
ผลกวาดล้างสามารถจับกุมได้คดียาเสพติด จำนวน 25 ราย ผู้ต้องหา 25 คน แยกเป็นคดีจำหน่ายเพื่อการจำหน่าย 2 ราย ผู้ต้องหา 2 คน ของกลางยาบ้า จำนวน 212 เม็ด และเป็นคดีครอบครองยาเสพติด จำนวน 1 ราย ผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย ผู้ต้องหา 2 คน ของกลางยาบ้า จำนวน 21 เม็ด ผู้เสพยาบ้าอีกจำนวน 20 รายผู้ต้องหาจำนวน 20 คน ผู้ผลิตกัญชา (หรือผู้ปลูกกัญชา) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำลายของกลางกัญชาทิ้งแล้วจำนวน 1 แปลง จำนวน 1 ราย ผู้ต้องหา 1 คน จับกุม พ.ร.บ.บุคคลต่างด้าว (ให้ที่พักพิง) ชาวกัมพูชาหลบหนีเข้าเมืองจำนวน 1 ราย ผู้ต้องหา 1 คน บุคคลต่างด้าวชาวกัมพูชาหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต 19 ราย รวมจับ พ.ร.บ.ต่างด้าว จำนวน 20 คน แยกเป็นชาย 16 คน หญิง 4 คน และจับกุมอาวุธปืน 3 ราย ผู้ต้องหา 5 คน อาวุธปืน 5 กระบอก ดังกล่าว
ต่อมา พล.ต.ต.สัญชัย ไชยอำพร ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนหลายสถานี เข้าร่วมช่วยงานสอบสวนกับพนักงานสอบสวน สภ.ระเบาะไผ่ โดยมีพนักงานสอบสวนจาก สภ.ศรีมหาโพธิ์ พ.ต.ท.สัญญา ศิริโสภณ นาคพงษ์ จาก สภ.เมืองปราจีนบุรี ร.ต.ท.ประสบชัย คำปิตะ ร.ต.ท.ธีรศักดิ์ ต๊ะเป็ง สภ.ระเบาะไผ่ ร.ต.ท.สมพงษ์ อัปมะให และ พ.ต.ท.ปรีชา สะสัญญา เป็นหัวหน้าทีมงานสอบสวนในครั้งนี้ เพื่อเป็นการให้การสอบสวนนั้นรวดเร็วและทำการส่งตัวผู้ต้องหาขึ้นสู่ศาลเพื่อขออำนาจฝากขัง และผลักดันบุคคลต่างด้าวออกนอกราชอาณาจักรต่อไป
